25 ก.ย.67 - ประธานคณะกรรมาธิการการที่ดินฯ สภาผู้แทนราษฎร รับเรื่องร้องเรียนจากเลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขอให้มีการทบทวนร่างพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ เพื่อดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ และภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หลังพบประชาชนไม่มีส่วนร่วมจัดการชุมชน ถูกจำกัดสิทธิทำกินที่เคยใช้ และแนวเขตที่กำหนดไม่ตรงความเป็นจริงจากการถูกบุกรุก

image

 นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือร้องเรียนจากนางสาวอรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร  ขอให้ทบทวนร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ) โครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ 2562 และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามมาตรา 121 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ 2562 และข้อเสนอแนะ โดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียรในฐานะองค์กรด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติมีความกังวลต่อเนื้อหาในร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าหลักการของกฎหมายควรอยู่บนพื้นฐานที่เป็นจริง เป็นธรรม และเป็นไปได้ แต่จากรายละเอียดเนื้อหาของร่างพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติและกลไกการมีส่วนร่วม ที่กรมอุทยานฯ ดำเนินการมาเป็นเวลากว่าสิบปีจะสูญเปล่า เนื่องจากร่างสองฉบับนี้ไม่มาจากความเป็นจริง ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการชุมชนของตนเองที่มีวิถีชีวิตประเพณีและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เนื้อหาของร่างไม่มีความเป็นธรรม เนื่องจากประชาชนบางส่วนได้อยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในพื้นที่มาก่อนประกาศเป็นเขตป่าอนุรักษ์แต่ถูกจำกัดสิทธิการอยู่อาศัยและทำกินด้วยกรอบกฎหมาย นอกจากนี้ประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่ได้เป็นผู้ถือสัญชาติไทย เพราะอยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติจนทำให้เสียสิทธิในการสำรวจการถือครองที่ดิน ขณะเดียวกันร่างนี้เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติเนื่องจากความล่าช้าในการออกกฎหมายลำดับรอง ในบางพื้นที่มีการบุกรุกขยายเพิ่มเติมจากแนวเขตที่ได้มีการสำรวจไว้แล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่ ดังนั้น รัฐควรทบทวนร่างกฎหมายและเร่งออกมาตรการควบคุมพื้นที่ที่ได้มีการสำรวจไว้แล้วไม่ให้มีการขยายเพิ่มเติม
   

    นายพูนศักดิ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่าร่างพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับ เป็นกฎหมายรองภายหลังกฎหมายหลักบังคับใช้มาเป็นเวลา 5 ปี ทำให้คณะกรรมาธิการฯ ให้ความสนใจต่อการจัดทำอยู่แล้ว จึงได้เชิญหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงเพื่อพิจารณา ซึ่งเห็นว่าข้อมูลที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรนำเสนอนี้มีความสำคัญจึงจะนำมาประกอบการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกฎหมายเพื่อทำให้ระบบการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้มีการทำงานอย่างถูกต้อง และโดยเฉพาะเรื่องความเป็นธรรมที่คณะกรรมาธิการฯ ให้ความสำคัญ เรื่องการบุกรุกหรือครอบครองก่อนที่จะได้รับอนุญาตซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ รวมถึงประเด็นการกำหนดขอบเขตเพื่อไม่ให้เกิดการจำกัดสิทธิของประชาชน ดังนั้น คณะกรรมาธิการจะตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ซึ่งอาจนำไปสู่การชะลอการตรากฎหมายหรือต้องให้มีการปรับปรุง ก่อนนำไปสู่การบังคับใช้

ณรารัฏฐ์  โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง
 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ