19 ก.ย. 67 - สส.ศิริกัญญา พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสด ความชัดเจนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ติงปรับรูปแบบเป็นจ่ายเงินสดกลุ่มเปราะบางกะทันหัน ด้าน รมช.คลัง ยอมรับไม่ต้องการให้มีการร้องเรียน จึงต้องเร่งจ่ายก่อน 30 ก.ย. นี้ พร้อมยืนยันเฟสสองจ่ายกลุ่มที่เหลือเป็นดิจิทัลวอลเล็ตแน่นอน

image

          นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและดิจิทัลวอลเล็ต ถามนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ตอบคำถามแทน

          นางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามว่า จากที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการแจกเงินสดผ่านพร้อมเพย์ หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ แต่โครงการดังกล่าวมีความเร่งรีบและสร้างความสับสนแก่ประชาชนอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทั้งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยังคงยืนยันว่าการดำเนินโครงการฯ ไม่สะดุด แม้จะเปลี่ยนรัฐบาล มีหลายคนออกมาระบุว่าจะเปลี่ยนเป็นการแจกให้กลุ่มเปราะบางก่อนและจะแจกเป็นเงินสด แต่ก็ไม่มีใครแจ้งกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการถึงวิธีการแจกเงินสด และประกาศเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ว่าให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ไม่ได้ผูกบัญชีกับพร้อมเพย์ 2 ล้านคน รีบไปผูกบัญชี ทำให้มีคำถามว่าสาเหตุใดที่ต้องรีบแจกเงินให้ทันวันที่ 30 กันยายน นี้ โดยทั้งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังต่างก็ออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องกฎหมาย แต่เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ขณะเดียวกันรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังก็บอกว่าเศรษฐกิจเริ่มดี ไม่ต้องแจกเยอะ จนประชาชนเริ่มสงสัยแล้วว่าตกลงเศรษฐกิจเป็นอย่างไรกันแน่ หรือเป็นเพราะรัฐบาลทราบมาก่อน ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพราะในวันนั้นเอกสารที่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำนักงบประมาณตั้งข้อสังเกตไว้แล้วว่าหากจะใช้งบประมาณเพิ่มเติมของปี 2567 ต้องแจกให้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน นี้ และยังเสนอด้วยว่าให้แจกกับกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.98 ล้านคนก่อน หากไม่ได้รีบร้อนต้องทำตามกฎหมาย เหตุใดจึงไม่ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังที่อย่างน้อยสามารถระบุเงื่อนไขต่าง ๆ จำกัดประเภทสินค้า ร้านค้าขนาดเล็ก และพื้นที่ให้ตรงกับวัตถุประสงค์และแนวทางการทำงานอย่างที่รัฐบาลเคยแถลงข่าวไว้ หรือจะกักเงินให้หมุนหลายรอบก่อนก็ทำได้

          ด้าน นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า การแจ้งรายละเอียด โดยเฉพาะการผูกพร้อมเพย์เป็นไปโดยล่าช้า เพราะรัฐบาลต้องการให้เกิดความมั่นใจจากกระบวนการราชการก่อน ทั้งการเข้า ครม. และการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่สามารถประกาศก่อนได้ เพราะยังไม่มีความชัดเจน หากไม่ดำเนินตามขั้นตอนทางกฎหมายให้ครบถ้วน ส่วนเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจนั้น ปัจจุบันดีขึ้นหลังการทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบวกในหลายด้าน ทั้งการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ แม้ปัญหาปัจจุบันจะมีอยู่ ทั้งการที่ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ค่าเงินในขณะนี้ที่มีปัญหา แต่การรักษาความสามารถในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ต้องเดินหน้าไปก็เป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลได้นำมาพิจารณา จึงมีการตัดสินใจร่วมกันให้ปรับเปลี่ยน จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฟสแรกจะกระตุ้นโดยไม่ได้ใช้วอลเล็ต แต่ในเฟสถัดไปรัฐบาลยังยืนว่าในกลุ่มที่เหลือจะมีการเดินหน้าในการทำดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อประเทศจะได้วางรากฐานด้านดิจิทัลต่อไป ส่วนการเร่งรีบให้ทันวันที่ 30 กันยายน นั้น เป็นเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่ แม้ทั้งกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณจะยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้โดยผูกพันข้ามปี และรัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นว่าสามารถดำเนินการได้ แต่ไม่อยากให้มีปัญหาเกิดขึ้นจากการร้องเรียน รัฐบาลพยายามจำกัดในเรื่องของความเสี่ยงต่าง ๆ

          นางสาวศิริกัญญา ถามต่อว่า กำหนดการแจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตดั้งเดิมเป็นอย่างไร ซึ่งการเลื่อนแจกนั้นเป็นการเลื่อนแบบไม่มีกำหนดหรือไม่ กำหนดการลงทะเบียนต่าง ๆ จะเลื่อนไปถึงเมื่อไหร่ หรือหากต้องดูสถานการณ์ตัวชี้วัดต่าง ๆ ขอให้รัฐบาลระบุให้ชัดเจนด้วย ไม่เช่นนั้นอาจทำให้การอุปโภคบริโภคไม่คล่องตัวหรือทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นที่จะออกไปใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีคนที่มีสิทธิทั้งกลุ่มเปราะบางและไม่เปราะบางราว 40 ล้านคน จำนวนเงินที่มีตอนนี้เพียงพอสำหรับ 34 ล้านคนเท่านั้น อยากถามว่าในท้ายที่สุดเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนว่าจะได้เงินแน่นอน แหล่งที่มาของเงินจะมาจากไหน

          นายจุลพันธ์  ตอบว่า ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 36 ล้านคน ยังไม่ได้คัดกรอง เพราะมีกระบวนการอีก 1-2 ขั้น ส่วนในกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น ปลัดกระทรวงการคลังเคยให้ตัวเลขไว้นานแล้ว คาดว่าไม่เกิน 4 ล้านคน โดยหากพิจารณาตามหลักพื้นฐานส่วนมาก คือ กลุ่มเปราะบาง เมื่อแจกกลุ่มเปราะบางไปแล้ว จะเหลือไม่มาก สามารถลดภาระประชาชนในกลุ่มที่ต้องเดินทางมาลงทะเบียนไปอีกส่วนหนึ่ง โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ หลังตรวจสอบสิทธิจาก 36 ล้านคน อาจจะเหลือ 34-35 ล้านคน เมื่อปิดยอดหักจากรายชื่อที่ได้รับเงินจากกลุ่มเปราะบางจะได้ตัวเลขสุดท้าย ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการด้วยงบประมาณที่มีอยู่ได้ หากขาดเหลือไม่มากก็เติมให้ครบได้ในครั้งเดียว หากเป็นประโยชน์กับการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหากมีจำนวนมากก็ยังมีแนวทางในการแบ่งยอด แม้ประชาชนบางส่วนอาจไม่พอใจแต่ต้องมองถึงประโยชน์ที่เกิดกับประเทศเป็นหลัก

          นางสาวศิริกัญญา ถามต่อในรอบสุดท้ายว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังย้ำหลายครั้งถึงวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ในการทำให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัล แต่หัวใจสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องของแอปฯ ทางรัฐ แต่คือดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากระบบการชำระเงิน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ระบบการชำระเงินที่ต้องมีการออกแบบให้เป็น open loop และเป็นบล็อกเชน เพิ่งถูกยกเลิกการประกวดราคาไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา ไม่มีบริษัทเข้ามาเสนอราคาแม้แต่บริษัทเดียว เนื่องจากบริษัทที่พัฒนาร่วมกันมาตัดสินใจถอนตัว เท่ากับว่าวันนี้ ระบบการชำระเงินยังไม่ได้เริ่มมีการประกวดราคาอีกครั้ง ธนาคารพาณิชย์ต้องใช้เวลาล่วงหน้าในการพัฒนาระบบเป็นหลักปีในโครงการทั่วไป แต่โครงการนี้ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม สรุปแล้วเศรษฐกิจดิจิทัลที่รัฐบาลพูดถึงจะเป็นอย่างไร และอีกประเด็นที่อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้ประเทศไม่เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลที่มาจากดิจิทัลวอลเล็ต คือ ปัญหาจากความยินยอมของประชาชน เพราะเข้าใจว่าตอนที่ประชาชนลงทะเบียนไม่ได้มีการขอความยินยอมให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลบัญชีเงินฝากของประชาชนแต่ละคนได้ สุดท้ายรัฐบาลจะต้องไปใช้อำนาจของคณะกรรมการ PDPA มายกเว้นแทน แล้วขอธนาคารพาณิชย์เข้าไปดูข้อมูลบัญชีเงินฝากหรือไม่ แต่เข้าใจว่าธนาคารพาณิชย์เองก็ไม่อยากเสี่ยงไปกับรัฐบาล จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหรือไม่ที่ทำให้การประกาศผู้มีสิทธิต้องเลื่อนออกไปจากวันที่ 22 กันยายน นี้ อย่างไม่มีกำหนด สุดท้ายรัฐบาลยังยืนยันไทม์ไลน์เดิมในการสร้างระบบการชำระเงินว่าจะเสร็จภายในปีนี้หรือไม่ หากเสร็จแล้วจะแจกเป็นดิจิทัลวอลเล็ตอยู่หรือไม่ และอยากให้รัฐบาลวาดภาพให้เห็นว่าระบบการชำระเงินนี้จะทำให้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเกิดขึ้นได้อย่างไร สรุปแล้วกระเป๋าเงินดิจิทัลจะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายต่อจากนี้ไปหลังหมดโครงการนี้ในโอกาสใดบ้าง และจะนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบใด

          ด้าน นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ผู้ดูแลระบบชำระเงินปัจจุบัน คือ สำนักงานรัฐบาลดิจิทัล (DGA) อย่างไรก็ตาม เคยมีการพูดกันในสังคมว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีการล็อก แต่พอกระบวนการออกมาจริงไม่มีการคัดเลือกล่วงหน้า โปร่งใสทุกประการ จึงมีการเลื่อนกระบวนการในการประมูล ส่วนเรื่อง open loop หรือการเชื่อมต่อกับธนาคารพาณิชย์ยังเป็นภาพที่รัฐบาลมองไว้อยู่ แต่ที่เลื่อนไปเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจในการทำข้อตกลงกับธนาคารใด ส่วนเรื่องความหวังต่อเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น รัฐบาลยืนยันว่าต้องเริ่มจากความคุ้นชินของประชาชน ที่ผ่านมาไม่เคยมีแอปฯ ใดในประเทศไทยที่เป็นของรัฐที่จะดึงคนเข้ามาได้ถึง 36 ล้านคนภายในเวลาแค่หนึ่งเดือน เป็นข้อมูลกลางที่จะเป็นประโยชน์กับภาครัฐในการกำหนดนโยบายเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับกระบวนการในการพัฒนาระบบชำระเงิน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความคิดว่าจะมีการทดลองแซนด์บ็อกซ์ในการจ่ายชดเชยน้ำท่วม จ่ายเงินไปยังประชาชนในกลุ่มที่รัฐบาลกำหนดตามแนวนโยบายของรัฐ

 

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ