นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ในคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ร่วมแถลงถึงผลการพิจารณา ซึ่งคณะอนุกรรมทำการศึกษาอย่างรอบด้านในทุกมิติและจัดทำเป็นรายงานสรุปได้ว่า การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2555 ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำพื้นถิ่นในแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงสัตว์น้ำที่ถูกเพาะเลี้ยงตามบ่อหรือฟาร์ม ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างจนถึงปัจจุบัน จากการรายงานของกรมประมงพบว่าปลาหมอคางดำได้แพร่ระบาดไปแล้วถึง 79 อำเภอในพื้นที่ 19 จังหวัด
คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย มีข้อเสนอแนะในรายงานดังกล่าวว่า รัฐควรสอบหาผู้ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในราชอาณาจักร โดยปรากฏตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพุทธศักราช 2535 มาตรา 97 ซึ่งบัญญัติว่าผู้ใดกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐหรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไป ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่ควรเป็นผู้ดำเนินการดังกล่าวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ได้แก่ กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ คณะอนุกรรมาธิการยังเห็นว่ากระทรวงต่าง ๆ ควรบูรณาการและเร่งแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมธิการจะนำผลการพิจารณาศึกษา รวมถึงเอกสารและพยานหลักฐานต่าง ๆ มอบต่อภาคีเครือข่าย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป
ณรารัฏฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง