11 ก.ย. 67 – สส.ทรงศักดิ์ พรรคเพื่อไทย ชี้ รัฐบาลไม่ควรนำเข้าข้าวสาลีในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพด หลังราคาข้าวโพด โรงงานอาหารสัตว์ปลายทางลดลงต่อเนื่องจนต้องหยุดซื้อ เรียกร้อง รัฐเร่งจ่ายเงินชดเชยและวางมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร บรรเทาผลกระทบจากการนำเข้าข้าวสาลี

image

           นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดนครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรเกี่ยวกับปัญหาเงินชดเชยพืชผลทางการเกษตร อาทิ ค่าเก็บเกี่ยวหรือค่าบริหารจัดการข้าวไร่ละ 1,000 บาท 20 ไร่ต่อครัวเรือน โดยเกษตรกรขอให้รัฐบาลมีการจ่ายเงินชดเชยในช่วงฤดูเพาะปลูกก่อนฤดูการเก็บเกี่ยว เพื่อให้เกษตรกรได้มีเงินลงทุนนำไปใช้ซื้อปุ๋ย ค่าน้ำมัน และจ่ายค่าแรง ไม่ต้องไปกู้เงินสำหรับลงทุน ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ร้องเรียนว่า ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต เกษตรกรมักประสบปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำทุกครั้ง โดยสาเหตุเกิดจากรัฐบาลมีการนำเข้าข้าวสาลีช่วงเกษตรกรกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่งผลให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุน เนื่องจากราคาข้าวโพด ณ โรงงานอาหารสัตว์ปลายทางลดลงอย่างรุนแรง และต่อเนื่องเกินกว่าสัปดาห์ ทำให้ต้องวางแผนหยุดซื้อข้าวโพดชั่วคราวในหลายพื้นที่ ซึ่งตนเคยอภิปรายแล้วหลายครั้งว่า รัฐบาลไม่ควรนำเข้าข้าวสาลีในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว จึงขอให้ภาครัฐช่วยจ่ายเงินชดเชยไร่ละ 1,000 บาท 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือจะกำหนดนโยบายอื่น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรในเบื้องต้น พร้อมขอให้จ่ายเงินชดเชยเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเช่นเดียวกัน เนื่องจากบางพื้นที่ไม่สามารถร่วมโครงการชะลอการขุดมันสำปะหลังได้ จำเป็นต้องขุดเพราะฝนตก เกิดน้ำท่วม อาจทำให้ผลผลิตเสียหายได้

          นอกจากนี้ นายทรงศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงปัญหาเกษตรกรชาวไร่อ้อยว่า แม้ว่าราคาอ้อยขณะนี้จะได้ราคาพอสมควร แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าครองชีพมีอัตราสูงขึ้น จึงขอให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ในอัตราตันละ 120 บาท เพื่อช่วยลดภาระให้เกษตรกร

 

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ