20 ก.ย.67- กมธ.แก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ สผ. พิจารณาแนวทางแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ หลังพบโรงพยาบาลเอกชนคิดค่ารักษาพยาบาล และค่ายาในราคาสูงกว่าโรงพยาบาลของรัฐเป็นอย่างมาก

image

        นายนเรศ  ธำรงค์ทิพยคุณ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) แก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ คนที่หนึ่ง สภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม กมธ. โดยมีวาระพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ ด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ได้แก่ สำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) องค์การเภสัชกรรม และกรมการค้าภายใน ทั้งนี้ จากสภาพการณ์ในปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนได้มีการคิดอัตราค่ารักษาพยาบาล และค่ายาในราคาสูงกว่าโรงพยาบาลของรัฐเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการศึกษาวิจัย พบว่ามาจากต้นทุนของการก่อสร้างโรงพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือการปรับปรุงระบบการศึกษาและการให้บริการ จึงเป็นผลให้ต้นทุนในการคิดอัตราค่ารักษาพยาบาล และราคายาของโรงพยาบาลเอกชน มีราคาสูงตลอดจนการเรียกเก็บอัตราค่าธรรมเนียมของแพทย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มบุคคลที่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าว เป็นเพียงกลุ่มบุคคลที่มีรายได้สูงและฐานะทางการเงินดี ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งเป็นบุคคลส่วนใหญ่ของประเทศต้องเข้ารับบริการการรักษาจากโรงพยาบาลรัฐ จนเป็นเหตุให้โรงพยาบาลรัฐเกิดการแออัด มีจำนวนผู้เข้าใช้บริการจำนวนมาก และรอคิวการรับบริการเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้พยายามศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหา และมีข้อเสนอให้ออกกฎหมายกำกับดูแลอัตราค่ารักษาพยาบาล และค่ายา แต่ก็ยังไม่เกิดผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร

        นายนเรศ กล่าวว่า ที่ประชุม กมธ. มีข้อเสนอแนะให้มีการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม ทั้งการให้องค์การเภสัชกรรม ลดราคายา การควบรวมกิจการของโรงพยาบาลเอกชน และให้โรงพยาบาลเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการแบ่งคนที่ใช้บริการจากรัฐ เพื่อลดภาระโรงพยาบาลรัฐ ตลอดจนการเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ที่ประชุม กมธ. กำหนดนัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 25 ก.ย.67 เพื่อพิจารณาเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ด้านการเงินและการพัฒนาอาชีพ ในประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยจะเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ