17 ต.ค.67 - ว่าที่ ร้อยตรีสมชาติ สส.พรรคประชาชน เสนอร่างกฎหมาย 2 ฉบับ เข้าสู่สภาฯ หวังให้ อปท. สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่ม และนำเงินไปพัฒนาพื้นที่ของตนเอง ชี้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจและรายได้ให้กับท้องถิ่น

image

        ว่าที่ ร้อยตรีสมชาติ  เตชถาวรเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดภูเก็ต พรรคประชาชน แถลงข่าวภายหลังจากได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่..) พ.ศ. ....  และร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด  พ.ศ. 2540 เพื่อให้ อบจ. ได้รับจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บตามประมวลรัษฎากรตามที่อยู่ของสถานประกอบการ พร้อมทั้งแก้ไขมาตรา 62 โดยที่ปัจจุบันกรมสรรพากรให้สิทธิผู้ประกอบการในการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน ณ สำนักงานใหญ่ เป็นเหตุให้ส่วนแบ่งภาษีมูลค่าเพิ่มของสาขาภายใต้สถานประกอบการที่ตั้งอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ตกเป็นของจังหวัด ตามที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไม่ได้รับการจัดสรรยอดภาษีมูลค่าเพิ่มของสาขา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งอยู่ จึงจำเป็นต้องตรากฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ก็จะสอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจและกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่น ซี่ง อบจ. ควรจะได้รับการจัดสรรเงินร้อยละ 5 ตามที่กฎหมายว่าด้วย อบจ. กำหนดไว้

        ว่าที่ ร้อยตรีสมชาติ กล่าวถึง สาระสำคัญของ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. ....ว่า เป็นการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ ที่ตนเสนอ เพื่อให้สาขาของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการรายได้ของแต่ละสาขาเพิ่มตามมาตรา 68 วรรคสอง โดยที่ปัจจุบันบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนที่เป็นนิติบุคคล มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการรายได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้คำนวณภาษีรวม ณ สำนักงานใหญ่แห่งเดียว ทำให้ อปท. ที่มีสาขาของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่ตั้งอยู่ไม่มีข้อมูลรายได้ของสาขาที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ จึงเห็นสมควรให้สาขาของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการรายได้ของแต่ละสาขาเพื่อให้ อปท. สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปเป็นฐานข้อมูลประกอบการกำหนดแผนในการดำเนินการพัฒนาท้องถิ่น จึงจำเป็นต้องตรากฎหมายฉบับนี้ ซึ่งการแก้ไขกฎหมายนี้จะทำให้ผู้ประกอบการบริษัทต่าง ๆ ทั้งธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง และสถาบันการเงินที่อยู่ในแต่ละจังหวัด สามารถแนบรายการรายได้ เพื่อให้เห็นว่าแต่ละสาขามีรายได้เท่าไหร่ ซึ่งไม่ได้เพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการแต่อย่างใด แต่จะทำให้นำไปสู่การกระจายอำนาจได้สำเร็จ และจะทราบได้ว่าแต่ละจังหวัดมีการจัดเก็บภาษีรายได้ต่อปีที่แท้จริงจำนวนเท่าใด ซึ่งอาจจะทำให้แต่ละจังหวัดมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากร่างกฎหมายที่ตนเสนอทั้ง 2 ฉบับ ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร อปท. ก็จะได้รับประโยชน์จากการนำเงินที่ได้รับการจัดสรรนี้ไปพัฒนาพื้นที่ของตนเอง

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ