16 ต.ค. 67 - คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร เชิญผู้เกี่ยวข้องเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา เข้าชี้แจงกรณีการตรวจสภาพรถ พร้อมกำชับหน่วยงานให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยป้องกันเหตุซ้ำรอย 

image

            การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายฉลาด ขามช่วง ประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาเรื่องขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี โดยเชิญ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พ.ต.อ.การตภณ วรรณา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (สภ.) คูคต จังหวัดปทุมธานี พ.ต.ต.กันต์ศักดิ์ คงประเสริฐ พนักงานสอบสวน สภ.คูคต และ นายอานันท์ เสาวมาลย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เข้าร่วมประชุม โดย กมธ.ได้ตั้งข้อสังเกตถึงแนวทางการเลือกรถบัสเพื่อเดินทางไปทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ว่าได้มีการพิจารณาองค์ประกอบใดบ้าง การตรวจสอบสภาพรถบัสคันที่เกิดเหตุ ว่ามีการปล่อยปละละเลยเรื่องความปลอดภัยหรือไม่อย่างไร ตลอดจนการดัดแปลง และเปลี่ยนสภาพรถจาก การใช้น้ำมันมาเป็นแก๊ส CNG ว่า มีใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และผ่านการรับรองจากวิศวกรของกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ ซึ่งประเด็นการเลือกรถบัส นายอนันต์ กล่าวว่าสาเหตุที่โรงเรียน ได้เลือกใช้บริษัทรถบัสคันที่เกิดเหตุ เนื่องจากเป็นบริษัทที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในจังหวัดอุทัยธานี โดยมีทั้งองค์กรด้านการศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้ในการเดินทางไปทัศนศึกษาและทัศนาจรอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งโรงเรียนได้ติดตามลักษณะทางกายภาพของรถผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ไม่ได้ศึกษารายละเอียดในเชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลตัวรถว่ามีการดัดแปลงหรือไม่

            ส่วนประเด็นเรื่องการตรวจสภาพรถ นายเสกสม กล่าวว่าภายหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัส กรมการขนส่งทางบกได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสภาพรถบัสคันที่เกิดเหตุ ให้มาปฏิบัติราชการ ณ กรมการขนส่งทางบก และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้หลังเกิดเหตุกรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการเกี่ยวกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยพักใช้ใบอนุญาตขับรถ และใบประกอบการของบริษัททัวร์ รวมทั้งได้ตรวจสอบบริษัทที่ดำเนินการติดตั้งถังแก๊สเพิ่มเติมให้กับบริษัททัวร์ นอกจากนี้ยืนยันว่าในการตรวจสภาพรถโดยสารไม่ประจำทาง กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจสอบ 2 ครั้งต่อปี โดยครั้งแรกคือการตรวจสอบก่อนการต่อภาษีประจำปี และครั้งที่สองตรวจสอบหลังจากต่อภาษีไปแล้ว 6 เดือน อีกทั้งมีการตรวจอุปกรณ์ความปลอดภัยภายในรถเช่น ประตูฉุกเฉิน ค้อนทุบกระจก และถังดับเพลิง

            นายเสกสม กล่าวเพิ่มเติมว่ากระทรวงคมนาคม ได้ออกมาตรการหลังเกิดอุบัติเหตุโดยเรียกกลับ (Recall) รถที่ใช้แก๊สทั้งหมด 13,000 คันทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย รถบัส รถตู้ และรถมินิบัส เข้ามาตรวจสอบความปลอดภัยโดยหากไม่ผ่านมาตรฐานจะพ่นสีห้ามใช้ที่ตัวถังรถ พร้อมกับตรวจสอบร่องรอยการติดตั้งถังแก๊สและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้จะตั้งทีมติดตามเฝ้าระวังรถที่มีความสุ่มเสี่ยงให้เร่งปรับปรุงแก้ไขภายในกำหนดหากไม่ดำเนินการจะพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตรถต่อไป ส่วนแนวทางระยะยาวจะออกกฏหมายให้มีผู้ประจำรถโดยต้องได้รับการฝึกอบรม ทดสอบการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสารเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

           อย่างไรก็ตามภายหลังการรับฟังคำชี้แจงจากหน่วยงานต่างๆแล้ว กมธ.ได้มีข้อเสนอแนะไปยังกรมการขนส่งทางบก โดยได้ขอเอกสารประกอบการตรวจสอบสภาพรถบัสคันที่เกิดเหตุเพิ่มเติมมายังกมธ. พร้อมกับเน้นย้ำไปยังกรมการขนส่งทางบก ให้กำชับบุคลากรในระดับปฏิบัติการเข้มงวดและไม่ละเลยเรื่องความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ