ผู้นำฝ่ายค้านฯ หวังสภารับรายงานผลการศึกษาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อเป็นแนวทางยุติความขัดแย้งทางการเมือง

            นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) แบบบัญชีรายชื่อ  หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณารายงานพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งกรรมาธิการฯ พิจารณาเสร็จแล้วและขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อใด ว่า รายงานดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของในชั้นกรรมาธิการแล้ว ซึ่งมีทั้งตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาพูดคุยกันในเรื่องเนื้อหา เพราะผ่านการพิจารณาร่วมกันมาแล้ว สิ่งสำคัญคือร่างรายงานฉบับนี้เป็นเพียงผลการศึกษาที่ทำให้สังคมและสภาเห็นทางเลือกและทางออกของความขัดแย้งหรือการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมืองที่ผ่านมา ดังนั้น สภาจึงควรรีบเร่งพิจารณาร่างรายงานนิรโทษกรรมให้ผ่านโดยเร็ว 
           ต่อข้อถามถึงท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะไม่เห็นชอบกับร่างรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม  นายณัฐพงษ์ ย้ำว่ารายงานนี้เป็นเพียงผลการศึกษา สิ่งที่สภาทำได้ คือเปิดให้สังคมเห็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด  จึงขอยืนยันว่าไม่เห็นเหตุผลและความจำเป็นใดๆ ที่สภาจะไม่ผ่านร่างรายงานฉบับนี้ หากจะมีการโหวตคว่ำร่างฯ มองว่าเป็นการเกรงกลัวบางเรื่องมากเกินไป ทั้งนี้ พรรคประชาชนจะเดินหน้าต่อ ทั้งการผลักดันกฎหมายในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยจะทำทุกอย่างในกระบวนการนิติบัญญัติอย่างเต็มที่ ส่วนกฎหมายจะผ่านหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝั่งรัฐบาลด้วยเช่นเดียวกัน 
           นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงคดีตากใบที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. นี้ ซึ่ง พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี หนึ่งในจำเลยคดีตากใบ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าในส่วนของ พล.อ.พิศาล สถานะความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานะความเป็นจำเลยที่กำลังถูกดำเนินคดี ดังนั้น จึงเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องติดตามตัวจำเลยที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศมาดำเนินคดี ไม่ว่าจำเลยคนนั้นจะอยู่ในสถานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็ตาม รัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบในการติดตามจำเลยมาดำเนินคดีได้ เพื่อเป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน เพราะคดีตากใบได้สร้างบาดแผลให้กับประชาชนชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก ส่วนหาก พล.อ.พิศาล จะมาให้ปากคำภายหลังจากที่อาการป่วยทุเลาลง ซึ่งอาจเป็นช่วงที่หลังจากคดีหมดอายุความไปแล้วนั้น เชื่อว่าสังคมจะตั้งคำถามถึงความพยายามหลบหนี หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลจะยิ่งสูญเสียความชื่อมั่นต่อประชาชนมากขึ้น ซึ่งพรรคฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตีแผ่ความจริงเรื่องนี้อย่างเข้มข้นต่อไป อย่างไรก็ตามมองว่าขณะนี้รัฐบาลยังมีเวลาทำหน้าที่ติดตามจำเลยคดีตากใบมาดำเนินคดีอย่างเต็มที่

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง