17 ต.ค.67- กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ สผ. ติดตามการบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมจัดเสวนาหวังเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงผลสัมฤทธิ์ในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ และแนวทางปรับลดมาตรการควบคุมด้านความมั่นคงให้เหมาะสม

image

        นายรอมฎอน  ปันจอร์ กรรมาธิการ (กมธ.) ในคณะ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวผลการประชุมคณะ กมธ. ภายหลังจากการพิจารณาศึกษาแนวทางดำเนินการและประเมินผลการบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ที่ประชุม กมธ. ได้ติดตามการบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติขยายเวลาการบังคับใช้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นครั้งที่ 78 โดยไม่มีการพิจารณายกเลิกการบังคับใช้ในพื้นที่ใด ๆ เพิ่มเติม โดยหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้ชี้แจงเหตุจำเป็นของการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่มีองค์กรที่คอยปฏิบัติการในทางลับอย่างมีระบบทั้งการใช้อาวุธสงครามและการปฏิบัติการข่าวสาร ซึ่งกฎหมายปกติไม่สามารถบังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์เพียงพอ อีกทั้งตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินทั้งจำนวนเหตุการณ์ จำนวนการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการประเมินสภาพเศรษฐกิจและสังคม บ่งชี้ว่ายังมีความจำเป็นต้องคงไว้ซึ่งกฎหมายพิเศษดังกล่าว ในพื้นที่ 18 อำเภอ ซึ่งภายในปีนี้จะมีการจัดทำรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์ของการบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคง ยืนยันว่า การบังคับใช้กฎหมายปัจจุบันมีความครอบคลุมเพียงพอแล้วต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และคุ้มครองสิทธิ์ของประชาชน และไม่จำเป็นต้องปรับปรุงหรือร่างกฎหมายใหม่ทดแทน พร้อมยืนยันว่า ยังคงดำเนินการปรับลดพื้นที่การบังคับใช้กฎหมายพิเศษ ปีละ 2 อำเภอตามเป้าหมาย ขณะที่ หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ได้นำเสนอเพิ่มเติมถึงผลกระทบการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งขัดขวางการพัฒนาของสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่ได้จัดอบรมชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เพื่อมาทดแทนกำลังของทหาร ตามนโยบายการถ่ายโอนอำนาจสู่ท้องถิ่นและฝ่ายปกครองและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายลดกำลังพลและยกเลิกกฎหมายพิเศษ ภายในปี 2570 ด้านผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยืนยันว่ามีความจำเป็นจะต้องใช้และคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เนื่องจากให้อำนาจในการป้องกันเหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง ได้แก่ อำนาจในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย มาสอบสวนและขยายผล ก่อนที่จะไปก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญในการสลายโครงสร้างขององค์กรผู้ก่อความไม่สงบที่ดำเนินอยู่

        นายรอมฎอน กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กมธ. ได้แสดงความกังวลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการกำหนดตัวชี้วัดประเมินผลสัมฤทธิ์ยังไม่สะท้อนถึงสถานการณ์ความเป็นจริงและขาดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ขาดการสื่อสารด้านวิชาการเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อเจ้าหน้าที่และประชาชน ดังนั้น ที่ประชุม กมธ. จึงพิจารณาถึงแนวทางการจัดวงเสวนาในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเปิดพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากภาคประชาสังคม นักวิชาการ และหน่วยงานราชการเพิ่มเติม รวมทั้งแสวงหาข้อเท็จจริง ผลสัมฤทธิ์ในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ และแนวทางในการปรับลดมาตรการควบคุมด้านความมั่นคงในการบริหารพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ที่ประชุม กมธ. จะมีการหารือถึงการจัดทำผังยุทธศาสตร์การแบ่งแยกดินแดน ซึ่งอ้างว่าเกี่ยวข้องกับ สส. หรือ นักการเมือง นับเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องมีการพิจารณาหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วนต่อไป

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ