นายสังคม แดงโชติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จํากัด ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นถึงร้อยละ 30 ตั้งแต่ปี 2565 ทําให้ต้นทุนการผลิตน้ำนมดิบเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรไม่เพียงพอต่อการครองชีพในครัวเรือน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเลิกเลี้ยงไปเป็นจํานวนมาก กลุ่มสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย และกลุ่มเครือข่ายผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศ จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบจากราคาเดิม 20 บาท 50 สตางค์ เป็น 22 บาท 75 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2567 ซึ่งทําให้สอดคล้องกับต้นทุนการเลี้ยงนมของเกษตรกร และสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงโคนมต่อไปได้ ซึ่งต่อมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อขอปรับราคากลางนมโรงเรียนเพิ่มขึ้นจํานวน 46 สตางค์ต่อหน่วย ตามราคาน้ำนมดิบ ที่เพิ่มขึ้นจํานวน 2 บาท 25 สตางค์ต่อกิโลกรัม แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการพิจารณาอนุมัติ ทําให้องค์กรเกษตรกรที่มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมโรงเรียน ทั้งภาคสหกรณ์และภาคเอกชน ต้องแบกรับภาระซื้อน้ำนมดิบในราคาเพิ่มขึ้น 2 บาท 25 สตางค์ต่อกิโลกรัมมามากกว่า 7 เดือนแล้ว จนเข้าสู่สภาวะวิกฤตในหลายด้าน จึงมีความกังวลว่าจะกระทบต่อการรับซื้อน้ำนมดิบในอนาคต ดังนั้น ตนจึงขอเสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรัฐมนตรี พิจารณาดําเนินการอนุมัติเรื่องการปรับราคานมโรงเรียนเพิ่มขึ้น 46 สตางค์ต่อหน่วยต่อกิโลกรัม เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนโครงการนมโรงเรียนและสร้างการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานราก แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรโคนม
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
เว็บไซต์ พรรคภูมิใจไทย/ภาพ
