4 ก.ค. 67 - คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เชิญกรมที่ดินชี้แจงกรณีศึกษากฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดิน-ถือครองคอนโดมิเนียมได้ถึง 75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเสนอแนะ 5 ประเด็นประกอบการศึกษาก่อนนำเสนอต่อรัฐบาล

image

          นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และคณะแถลงข่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการฯ กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งหนังสือด่วนถึงกระทรวงมหาดไทย ให้เร่งศึกษากฎหมายมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทบทวนหลักเกณฑ์กฎหมายให้สิทธิ์ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดจากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% และการพิจารณาทบทวนการกำหนดระยะเวลาของทรัพย์อิงสิทธิตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. 2562 โดยกำหนดให้ทรัพย์อิงสิทธิมีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 99 ปี ว่าในฐานะที่คณะกรรมาธิการฯ มีหน้าที่โดยตรงในการติดตามตรวจสอบนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ จึงได้เชิญผู้แทนจากกรมที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาหารือ ซึ่งกรมที่ดินให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการฯ ว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการศึกษา ทั้งแนวทางการแก้ไขกฎหมายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
          ด้านคณะกรรมธิการฯ มีข้อสังเกตเพื่อให้กรมที่ดินนำไปศึกษาส่งต่อรัฐบาลใน 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว เพื่อให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้ถึง 99 ปี หรือครอบครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้เพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 75% นั้น จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศได้มากแค่ไหน 2. มาตรการนี้จะกระทบราคาและการเข้าถึงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ของคนไทยไม่มากก็น้อยโดยเฉพาะในเขตเมือง ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่คนไทยไม่มีที่ดินและที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองจำนวนมาก รัฐบาลจะมีมาตรการรองรับอย่างไรในเรื่องนี้ 3. ข้อกังวลเรื่องนอมินี แม้ปัจจุบันจะไม่มีการแก้ข้อกฎหมาย แต่ก็มีต่างด้าวครอบครองที่ดินและอาคารชุดจำนวนมากผ่านการใช้นอมินีอยู่แล้ว ดังนั้น ประเด็นเรื่องการจัดการนอมินี รัฐบาลจึงควรจะเอาจริงเอาจังก่อนจะมีการแก้ไขกฎหมาย 4. คณะกรรมาธิการฯ พบว่า ในต่างประเทศ หากจะมีการขยายสิทธิ์ให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้ยาวนานขึ้นและถือครองห้องชุดได้มากขึ้นนั้น จะมีการออกมาตรการหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมาตรการทางภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีค่าโอนที่อยู่อาศัย ภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งในต่างประเทศใช้ภาษีเหล่านี้เพื่อให้สามารถเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงมองว่า ประเทศไทยควรทำเช่นเดียวกันกับต่างประเทศ และ 5. รัฐบาลจำเป็นต้องคลายความสงสัยว่ามาตรการนี้กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นช่วยบางกลุ่มหรือไม่ และประเทศไทยจะได้อะไรจากการออกมาตรการนี้บ้าง

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ