ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงวิกฤตเกี่ยวกับการศึกษาไทย เมื่อเด็กไทยหลุดจากโรงเรียนทะลุ 1 ล้านคน จะช่วยกันอย่างไรดี? ว่า สถิตินี้น่ากังวลอย่างยิ่ง จากสถานการณ์ที่มีเด็กเกิดน้อยลงก็ถือเป็นวิกฤตต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างที่สุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้จำนวนเด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยจะยิ่งน้อยลง ถือเป็นความสูญเสีย ทั้งเสียโอกาสในการเสริมศักยภาพให้กับคนรุ่นใหม่ และเสียโอกาสในการลงทุนที่รัฐได้ทุ่มไปกับการพัฒนามหาวิทยาลัยทุกปี แต่มีจำนวนนักศึกษาลดลง ขณะที่ประเทศเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตั้งเป้าสนับสนุนให้นักเรียนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ได้เกือบ 100% ขณะที่มาเลเซีย ตั้งเป้าไว้อย่างน้อย 70% แต่เมื่อกลับมามองที่ประเทศไทย อาจมีนักเรียนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพียง 30% เท่านั้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ไทยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้แล้ว ยังเกิดเป็นภาระในการดูแลพลเมืองด้อยโอกาสข้ามรุ่น ซึ่งถือว่า น่ากังวลอย่างยิ่ง
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลกระทบที่ตามมา คือ แรงงานทักษะต่ำเพิ่ม แรงงานทักษะสูงลด และจะทำให้เศรษฐกิจไทยเกิดวิกฤตที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะโลกยุคดิสรัปชั่น ไม่ได้แข่งที่ การผลิตสินค้าราคาถูก แต่เป็นการแข่งกันผลิตสินค้ามูลค่าสูง ที่ต้องใช้แรงงานทักษะระดับปัญญา มาเอาชนะกัน ขณะที่ ปัจจุบัน ประเทศไทย ยังคงตกหลุมลึกเรื่องการยกระดับทักษะพลเมือง ด้วยการทำ "Upskill" "Reskill" แต่หากผู้นำไม่ลงไปกำกับจริงจัง อาจทำให้ไทยหมดสภาพการแข่งขันในอนาคต
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์เด็กไทยหลุดจากระบบการศึกษา จะนำไปสู่ปัญหาสังคม โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในวัยเยาว์จนถึงวัยรุ่นที่ต้องออกจากระบบโรงเรียนก่อนเวลา ทำให้สังคมไทยต้องเผชิญปัญหาแม่วัยใส เด็กติดยาเสพติด ติดการพนัน และสุขภาพทรุดโทรมเร็วกว่าคนที่มีความรู้มากกว่า ซึ่งปัญหาสังคมจากพลเมืองไม่มีความรู้ หรือมีการศึกษาน้อย จะเป็นปัญหาที่รัฐต้องมาตามแก้ไม่รู้จบ ดังนั้น การพัฒนาคน จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน และต้องวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เด็กออกจากโรงเรียนด้วยว่าเกิดจากปัจจัยใด ที่นอกจากปัญหาความยากจนแล้วอาจมีปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้ให้ผู้ปกครองยอมแพ้ไม่ส่งลูกเรียนต่อ
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
