โดย
นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงเรียกร้องให้กระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) รวมทั้งขอให้สำนักงาน กลต. และตลาดหลักทรัพย์ ออกมาแถลงแสดงให้เห็นความจริงจังต่อกรณีที่เคยระบุจะทบทวนและเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับตลาดทุนเพื่อให้มีการตรวจสอบและกำกับกิจการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ให้มากขึ้น หลังจากมีกรณีหุ้น STARK ซึ่งตนได้เคยยื่นญัตติต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาและตรวจสอบจากการตรวจพบความผิดปกติทางบัญชี พบการตกแต่งบัญชี การสร้างบัญชีลูกหนี้การค้าปลอม การจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่มีมูลเหตุถึงหลายร้อยล้านบาท กรณี STARK และบริษัทในกลุ่ม มีผู้เสียหายหลายพันคน ความเสียหายประมาณ 15,000 ล้านบาท กระทั่งขณะนี้มีการนำตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ผู้ต้องหาคนสำคัญจากดูไบกลับมาประเทศไทยแล้ว ซึ่งในส่วนของคดีให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ 3 หน่วยงานที่ตนระบุถึงนั้น ขอทวงถามว่าได้มีการดำเนินการใดตามที่เคยระบุไว้ เพราะทั้ง 3 หน่วยงาน มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มีข่าวนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกไปเรื่อย ๆ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เคยเป็นอดีตประธาน กลต.จะต้อง แถลงแสดงความมั่นใจให้กับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการกำกับดูแลและตรวจสอบการบริหารและการทำบัญชีของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อไปว่านอกจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลแวดล้อมเช่นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทรับทำบัญชี บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำขายและจำหน่ายหุ้นและตราสารต่าง ๆ ในตลาดทุน ที่กระทรวงการคลัง สำนักงาน กลต.และตลาดหลักทรัพย์ ต้องสังคายนา แก้ไขกฎหมาย และกฎระเบียบทั้งหมด เพื่อจัดการเรื่องการตกแต่งบัญชี การทำธุรกรรมทางการเงินปลอม ที่คล้ายกรณีของ STARK เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตที่อาจสร้างความเสียหายแก่ประชาชนหลายหมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงการคลังทบทวนเรื่องการตั้ง ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนใหม่ที่เคยเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นบริษัทในกลุ่มเดียวกับบริษัทที่เคยเป็น บริษัทผู้สอบบัญชีของ STARK แม้การแต่งตั้งจะเป็นอำนาจของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และการเข้ารับตำแหน่งของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่จะยังไม่เข้ารับตำแหน่งจนกว่าจะถึงเดือนสิงหาคม นี้ แต่ตนเห็นว่าหากดึงดันต่อไป จะกลายเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยในหมู่นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ลักขณา เทียกทอง ข่าว/เรียบเรียง
