นายพงษ์สรณัฐ ทองลี เลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ได้รับมอบหมายจากนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ให้เป็นตัวแทนรับหนังสือจากนายฐนิศร์ชัย ทิมทอง ตัวแทนประชาชนเทศบาลตำบลคลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาขยะที่มีผู้นำมาฝังกลบเพื่อปรับที่ดินซึ่งอาจส่งผลทำให้พื้นดินเสื่อมสภาพ เนื่องด้วยเมื่อช่วงปลายปี 2566 ได้มีผู้นำขยะใส่รถบรรทุกสิบล้อเข้ามาทิ้งในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลคลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ รวมถึงบริเวณที่ดินของราชพัสดุ บริเวณกิโลเมตรที่ 52 หมู่ที่ 7 และที่ดินใน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศป่าชายเลน อีกทั้งอาจส่งผลให้ที่ดินเสื่อมสภาพ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเคยร้องเรียนหน่วยงานราชการในพื้นที่แล้วแต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการดำเนินการเอาผิดใด ๆ อีกทั้งยังปล่อยปละละเลยจนทำให้เจ้าของที่ดินสามารถขนดินมาทับขยะเพื่อทำลายหลักฐาน และไม่ได้มีการขนขยะออกจากพื้นที่ จึงขอให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าวเพื่อเป็นการดูแลทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของชาติไม่ให้เสื่อมสภาพในอนาคต
จากนั้น เลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง รับหนังสือจากนายวงกรต ผึ้งทอง ตัวแทนประชาชนในพื้นที่บ้านตำหรุ ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เรื่อง ขอให้ตรวจสอบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.38 เนื่องด้วย ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 ก.ย.38 เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อสำรวจตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการบุกรุก การออกเอกสารสิทธิเกี่ยวกับที่ดินสาธารณะ ที่ได้พระราชทานไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อสาธารณประโยชน์และการระบายน้ำ ซึ่งคณะกรรมการได้รายงานผลการดำเนินการต่อ ครม. เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.38 และเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.38 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งมติ ครม. เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.38 ไปยังกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน กรมชลประทาน และกรมธนารักษ์ ให้ดำเนินการตามมติ ครม. ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของกรมที่ดินและกรมธนารักษ์ ปรากฏว่าพื้นที่เขตคลองตามประกาศกระแสร์พระบรมราชโองการฯ ในแต่ละจังหวัดไม่มีการออกโฉนดหรือเอกสารสิทธิ เว้นแต่ จ.สมุทรปราการ ได้มีการออกโฉนดในแนวเขตคลองตามประกาศกระแสร์พระบรมราชโองการฯ ให้แก่ เอกชนรวม 3 โฉนด เนื้อที่กว่า 45 ไร่ ซึ่งกรมธนารักษ์กำลังดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเพิกถอนโฉนดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบติดตามข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏความคืบหน้าในการดำเนินการของหน่วยงานราชการให้เป็นไปตามมติ ครม. จนเวลาล่วงเลยมา 30 ปี จึงขอให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินการให้เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.38 และเร่งรัดการเพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงนี้โดยด่วน เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นสมบัติของชาติและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในราชการและเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชนได้
เลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ไว้ใจให้สภาผู้แทนราษฎร ได้ดำเนินการตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ตนจะนำเรื่องดังกล่าวนำเสนอนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เพื่อพิจารณาต่อไป
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
