13 ก.ย. 67 – สว.เศรณี อภิปรายนโยบายรัฐบาล ขอรัฐบาลยกระดับการแก้ปัญหาราคาโคเนื้อตกต่ำเป็นวาระแห่งชาติ มุ่งปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดง - การลักลอบนำเข้าวัวเถื่อนจากเมียนมา และแก้ปัญหาเนื้อกล่องเถื่อน ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อให้ดีขึ้น

image

            นายเศรณี อนิลบล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะสมาชิกรัฐสภา อภิปรายในวาระการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ถึงนโยบายการยกระดับเกษตรทันสมัย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการนอกจากนโยบายดังกล่าวแล้ว คือ การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาโคเนื้อตกต่ำมาอย่างยาวนาน ซึ่งในประเทศไทยมีการเลี้ยงโคเนื้อมากถึง 8,900,000 ตัว มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อประมาณ 1,400,000 ครอบครัว แต่เกษตรกรไม่สามารถที่จะขายโคเนื้อในราคาที่เป็นธรรมได้ ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการและให้การสนับสนุน คือ ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศ ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเป็นสารกลุ่มเบต้า อะโกนิสต์ (B-agonist) ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ โดยมีการตรวจพบว่าใช้กันมาตั้งแต่ปี 2546 แต่ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ยังปราบการใช้สารเร่งเนื้อแดงดังกล่าวไม่ได้ ก่อให้เกิดผลกระทบกับการส่งออกโคเนื้อไปยังต่างประเทศ เพราะโคเนื้อที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงไม่เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ จึงขอให้รัฐบาลเร่งยกระดับการแก้ปัญหานี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ

           นอกจากนี้ยังต้องแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าวัวเถื่อนจากประเทศเมียนมา เพื่อป้องกันโรคระบาด อาทิ โรคปากและเท้าเปื่อย (Fmd) และโรคลำปีสกิน เนื่องจากแต่ละปีรัฐบาลต้องเสียงบประมาณในการปราบปรามโรคระบาดจำนวนมาก โดยพบว่า ภายใน 3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลต้องเสียงบประมาณไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อจะซื้อวัคซีนป้องกันโรคต่างๆที่เกิดจากการลักลอบนำเข้าวัวเถื่อน ตลอดจนแก้ปัญหาเนื้อกล่องเถื่อน ด้วยการสำแดงสินค้าผ่านด่านศุลกากรเท็จ นำเนื้อวัวเข้าประเทศ โดยสำแดงว่าเป็นสินค้าประมง ทั้งนี้ ปัจจุบัน เนื้อวัวเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามีการขายอย่างเปิดเผยทางช่องทางออนไลน์ และที่สำคัญขายตัดราคาเนื้อในประเทศไทย ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถที่จะขายเนื้อโคได้ในราคาดี สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจและกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ มากกว่า 6 หมื่นล้านบาท จึงขอให้นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ