พรรคเพื่อไทย จัดงาน “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ที่สำนักงานใหญ่พรรค เพื่อแสดงความพร้อมสู่การเลือกตั้งหลังการยุบสภา และเปิดตัวผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส. ล็อตแรกจำนวน 185 คน จากทั่วประเทศ ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก โดยมีกรรมการบริหารพรรค อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนพรรคร่วมกิจกรรม
นางสาวแพทองธาร กล่าวเปิดเวทีว่า วันนี้เป็นครั้งแรกหลังความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ “หัวใจของคนเพื่อไทยได้มารวมพลังกันอีกครั้ง โดยกล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกกระทำให้กลายเป็นฝ่ายค้าน นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคต้องอยู่ในเรือนจำ และผลการเลือกตั้งซ่อมที่มีทั้งชัยชนะที่เชียงราย และความพ่ายแพ้ที่ศรีสะเกษ หลายคนพูดว่าพรรคเพื่อไทยถึงทางตันแล้ว ใกล้จะตาย สูญพันธุ์ ตนไม่เคยเชื่อแบบนั้น เพราะถ้าจะสูญพันธุ์ พรรคนี้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมที่สุด และเผชิญชะตากรรมทางการเมืองอย่างสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยผ่านทั้งการรัฐประหาร 2 ครั้ง การยุบพรรค 2 พรรค การตัดสิทธิ์กรรมการบริหารเกือบ 200 คน และการปลดนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งถึง 6 คน โดยผู้ก่อรัฐประหารไม่ถูกดำเนินคดี ขณะที่ผู้ก่อตั้งพรรคถูกต้องจำ แต่ยังคงยืนหยัดได้เพราะมีประชาชนเป็นรากฐาน
นางสาวแพทองธาร กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทยคือพรรคแห่งโอกาส ที่จะยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายเพื่อยกระดับชีวิตประชาชน เพิ่มโอกาสให้คนจน สร้างหลักประกันให้ผู้ประกอบการ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ประเทศไทยในปัจจุบันยังต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์และไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่จะปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย ต้องกล้าที่จะทบทวนสิ่งที่ขาดหาย เสริมจุดแข็ง สรุปบทเรียน และเปลี่ยนแปลงจากภายใน เพื่อเตรียมพร้อมสู่สนามการเมืองที่เข้มข้นกว่าเดิม เพราะถ้าเราสามารถเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยได้ เราก็สามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน
นางสาวแพทองธาร เปิดเผยถึงโครงสร้างพรรคใหม่ว่า เพื่อไทยจะเดินหน้าในรูปแบบที่มีเอกภาพ โปร่งใส และทันต่อสถานการณ์ทางการเมือง โดยกำหนดอำนาจการตัดสินใจที่ชัดเจน พรรคจะมีการนำแบบรวมหมู่ ที่รวดเร็ว โปร่งใส และมีเอกภาพ โดยกระจายอำนาจสู่คณะกรรมการภาคทั้ง 5 ภูมิภาค เพื่อให้สมาชิกและเครือข่ายในแต่ละพื้นที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง คณะกรรมการบริหารพรรคจะได้รับคำปรึกษาจาก 2 คณะหลัก ได้แก่ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งรวมนักคิด นักวางแผนที่อยู่กับพรรคมาอย่างยาวนาน และ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง ที่ผ่านประสบการณ์สมรภูมิทางการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งนี้ โครงสร้างการทำงานใหม่ของพรรคแบ่งเป็น 4 เสาหลัก ได้แก่
1. สำนักงานกิจการสภาผู้แทนราษฎร ดูแลการประสานงานและการทำงานในสภา
2. สำนักนโยบาย ศึกษาและวิจัยนโยบาย ซึ่งเป็น DNA ดั้งเดิมของพรรคไทยรักไทย
3. สำนักเลขาธิการพรรค ดูแลการบริหารงานกลาง ประสาน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ
4. สำนักสื่อสารพรรค ดูแลยุทธศาสตร์การสื่อสารกับประชาชน
นางสาวแพทองธาร ยังเปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้ยกเครื่องระบบรับสมัครสมาชิกและผู้ร่วมอุดมการณ์ทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ โปร่งใส และเข้าถึงง่าย เพื่อให้ทุกคนที่มีศักยภาพและแนวคิดแบบเดียวกันมีโอกาสร่วมงาน และพรรคเพื่อไทยจะเป็นพื้นที่ของคนที่เชื่อว่าประชาธิปไตยกินได้ และเชื่อว่าการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบายสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ผู้สมัครหน้าใหม่กว่า 100 คนที่เปิดตัวในวันนี้ มาจากระบบสมัครใหม่นี้ทั้งหมด หลายคนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ พร้อมเติบโตไปกับพรรค นอกจากนี้ พรรคยังจัดตั้งเวที YPP (Young Pheu Thai Platform) เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้ ฝึกฝน และซึมซับแนวคิดแบบพรรคก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งจริง และเตรียมเปิดเวทีใหม่ชื่อ “เวทีตาดูดาว เท้าติดดิน (Moonshot Forum)” เพื่อศึกษา วิจัย และค้นหาทางออกใหม่ของประเทศในยุคที่โลกเผชิญความผันผวนทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เวทีดังกล่าวจะเริ่มที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้ ก่อนขยายสู่ภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนจากทุกภาคมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายโดยตรง
นางสาวแพทองธาร กล่าวปิดท้ายว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน ไม่ว่าจะอีก 2 เดือน หรือ 4 เดือน พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว โดยตนแต่งตั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง และตั้งกองอำนวยการเลือกตั้งเพื่อขับเคลื่อนพรรคในสนามใหญ่ และจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบทั้ง 3 คน ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกันในเวลาที่เหมาะสม และมั่นใจได้เลยว่าจะถูกใจประชาชนทุกระดับ”
ก่อนจบการแสดงวิสัยทัศน์ นางสาวแพทองธาร กล่าวขอบคุณสมาชิกเก่า-ใหม่ ที่ร่วมทาง รวมถึงผู้สนับสนุนที่มาร่วมงาน และฝากข้อความถึงผู้สมัครทุกคนว่า นี่ไม่ใช่แค่โอกาสลงสมัคร สส. แต่คือการพิสูจน์ศักยภาพของตัวเอง เพื่อทำงานให้ประชาชนถ้าเราต่างคนต่างทำเต็มที่ ร่วมมือกันไม่ลดละ ชัยชนะจะเป็นของพวกเรา เพื่อสร้างโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตให้กับประชาชนไทยทุกคน
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง