7 ต.ค.68- สว.ประหยัด จี้รัฐบาลเร่งส่งเอกสารขึ้นทะเบียน 8 แหล่งมรดกโลกเชียงใหม่ ภายในเดือน ธ.ค.68 เชื่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น นำไปสู่การวางแผนพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

image

        นายประหยัด  จตุพรพิทักษ์กุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงข้อเสนอแนะให้สถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 8 แห่ง ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้านอนุสรณ์สถานและภูมิทัศน์วัฒนธรรม ให้ทันภายในเดือน ธ.ค.68 ว่า เมื่อเดือน ก.ค.68 เมืองเชียงใหม่ถูกเสนอชื่อเข้าบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก ซึ่งตนเคยได้นำเรื่องนี้หารือในที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ผ่านมายังไม่ทันได้มีมติที่ประชุมให้ความเห็นชอบ ดังนั้น เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเร่งส่งเอกสารฉบับสมบูรณ์ที่ผ่านการพิจารณาและมีมติเห็นชอบของ ครม. ไปยังศูนย์มรดกโลกในช่วงต้นเดือน ม.ค.69 การดำเนินการดังกล่าวมีความสำคัญยิ่ง เพื่อให้ทันตามกรอบเวลาและกระบวนการที่คณะกรรมการมรดกโลกจะสามารถพิจารณาและประกาศให้เชียงใหม่เป็นเมืองมรดกโลกได้

        นายประหยัด กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุด ว่า ขณะนี้เอกสารนำเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกของเชียงใหม่ทั้ง 8 แหล่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้น โดยศูนย์มรดกโลก ประเทศฝรั่งเศส เพื่อที่จะส่งเอกสารดังกล่าวกลับมาให้ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือน ธ.ค.68 โดยแหล่งอนุสรณ์สถานและภูมิทัศน์วัฒนธรรมเชียงใหม่ทั้ง 8 แห่ง ที่ถูกนำเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก ได้แก่ คูเมืองและกำแพงเมืองเชียงใหม่ วัดเชียงมั่น วัดเจดีย์หลวง วัดพระสิงห์ วัดสวนดอก วัดเจ็ดยอด วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม และวัดพระธาตุดอยสุเทพ หากเชียงใหม่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยสร้างโอกาสให้นักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาในประเทศมากขึ้น ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับประเทศและชุมชน ทำให้เกิดการอนุรักษ์ คุณค่าและอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมปลูกฝังความภาคภูมิใจให้กับคนรุ่นใหม่ นำไปสู่การวางแผนพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบและยั่งยืน รวมทั้งทำให้ประเทศไทยมีบทบาทเด่นชัดในเวทีนานาชาติมากขึ้น

        นายประหยัด กล่าวด้วยว่า การผลักดันเชียงใหม่สู่มรดกโลกถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายอนุทิน  ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 ก.ย.68 นอกจากนโยบายสำคัญเพื่อจัดการปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว รัฐบาลยังต้องวางรากฐานของประเทศให้สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวทางนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งรวมถึงการอนุรักษ์และต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมไทย การสร้างการท่องเที่ยวคุณภาพ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ