นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา พร้อมด้วยนายนิพนธ์ เอกวานิช รองประธานกมธ. และคณะกมธ. ร่วมแถลงผลการดำเนินงาน โดยระบุว่า คณะกมธ.ได้ศึกษาเรื่อง การส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับใบอนุญาตเพื่อพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และขยายผลสู่การจัดทำรายงานศึกษาเพิ่มเติมในเรื่อง การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบใบอนุญาต จากการศึกษาพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าที่พักแบบรายวันและโรงแรมที่ไม่ได้รับใบอนุญาตมีจำนวนมากกว่าผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้า ขาดการควบคุมมาตรฐานความปลอดภัย และการรายงานทะเบียนผู้เข้าพัก ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน อีกทั้งภาครัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียม
นายนิพนธ์ กล่าวว่าสถานการณ์ปัจจุบัน มีโรงแรมในประเทศไทยกว่า 90,026 แห่ง แต่ได้รับอนุญาตเพียง 16,457 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 18.2 โดยมีแรงงานภาคบริการในธุรกิจโรงแรมกว่า 900,000 คน และสร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 1.67 ล้านล้านบาท หากโรงแรมนอกระบบถูกปิดกิจการ จะทำให้สูญเสียรายได้โดยตรงจากธุรกิจโรงแรมราว 0.27 ล้านล้านบาท และกระทบแรงงานตกงานมากถึง 736,000 คน ทั้งนี้ คณะกมธ.เห็นว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กยังเผชิญปัญหาหลายด้าน ทั้งขั้นตอนการขออนุญาตที่ซับซ้อน ข้อจำกัดด้านกฎหมายผังเมือง และต้นทุนปรับปรุงอาคาร ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ จึงเสนอให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ปรับปรุงกฎระเบียบให้ยืดหยุ่น จัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) พัฒนาหน่วยตรวจสอบเอกชน สนับสนุนเงินทุน และจัดอบรมยกระดับมาตรฐานบริการ เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการอย่างถูกต้อง และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวไทยในระยะยั่งยืน
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง