นายจุติ ไกรฤกษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การแก้ไขปัญหาอบายมุขในเด็กและเยาวชน ว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีเด็กและเยาวชน ประมาณ 22 ล้านคน หรือคิดเป็น 31% ของประชากรทั้งหมด แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด แต่ปัญหาอบายมุขอื่น ๆ โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ และบุหรี่ไฟฟ้า กำลังกลายเป็นปัญหาวิกฤติที่ลุกลามอย่างหนัก ปัจจุบัน มีประชาชนกว่า 7.5 ล้านคนได้รับผลกระทบการพนันออนไลน์ โดยในจำนวนนี้มีถึง 1 ล้านคนติดหนี้พนัน เฉลี่ยคนละ 12,000 บาท และที่น่ากังวลคือ 85% ของนักพนันกลับไปเล่นซ้ำ ก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวแตกแยกและเด็กต้องออกจากโรงเรียน ขณะที่ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ายังน่าเป็นห่วง แม้กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศห้ามนำเข้ามาตั้งแต่ปี 2557 แต่กลับมีสถิติว่ามีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าจากจีนมายังประเทศไทยปีละ 1,600 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันมีเยาวชนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วอย่างน้อย 1 ล้านคน และพบด้วยว่ามีเด็กอายุเพียง 6 ขวบเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โดยมีอัตราการสูบเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ยิ่งกว่านั้นสถานการณ์ปัญหายาเสพติดยังคงรุนแรง โดยในปีงบประมาณเดียวมีการดำเนินคดีถึง 210,000 ราย และคาดว่ามีเยาวชนไทยกว่า 2 ล้านคนใช้สารเสพติด ดังนั้น ตนจึงขอตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรีว่ารัฐบาลมีแนวทางการป้องกันและปราบปรามอบายมุขเหล่านี้อย่างไร และใช้งบประมาณเท่าใด ทั้งนี้ ตนมีข้อเสนอแนะให้มีการเปิดสายด่วนรับแจ้งเบาะแสอบายมุขอย่างจริงจัง โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานรับเรื่องร้องเรียนจากเด็กและเยาวชนทั่วประเทศโดยตรง พร้อมทั้งใช้เครือข่ายจิตอาสา ดึง สส. ทุกคน และสภาเด็กและเยาวชนทุกจังหวัดมาช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแส ตลอดจนจัดสรรงบประมาณให้กองทุนส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ได้รับเพียง 45 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคนละ 2 บาทเท่านั้น ตลอดจนต้องบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่รณรงค์เป็นช่วง ๆ และต้องแก้ไขกฎหมายฟอกเงินเพื่อยึดทรัพย์ผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้าให้ได้
นายโสภณ สารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทน กล่าวชี้แจงว่า ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า และการพนันออนไลน์ จะกัดกร่อนเยาวชนไทยจนทำให้ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะง่อยเปลี้ยเสียขา เพราะคนไม่มีคุณภาพ หากรัฐบาลไม่สามารถจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังสาเหตุหนึ่งของปัญหาเกิดจาก “ภูมิคุ้มกันทางจิตของเยาวชนที่ลดน้อยลงอย่างมาก” เนื่องจากสถาบันครอบครัวอ่อนแอ บุตรหลานไม่ได้ถูกเลี้ยงด้วยความรักเหมือนในอดีต ทำให้เด็กไม่สามารถต้านทานสิ่งยั่วยุได้ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับการตั้งสายด่วนอบายมุข ขณะที่งบประมาณปราบปรามนั้นรัฐบาลมีอยู่ แต่กระจายอยู่ตามกระทรวงต่าง ๆ จำเป็นต้องมีการบูรณาการ โดยเฉพาะงบปราบยาเสพติดปี 2569 มีอยู่ 6,600 ล้านบาท ซึ่งจะต้องเข้าไปบริหารจัดการให้ตรงจุดมากขึ้น และสามารถดึงงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาใช้ได้ ที่สำคัญรัฐบาลต้องกล้าเผชิญหน้ากับความจริง เลิกพอใจ “ตัวเลขทิพย์” และสำรวจข้อมูลผู้ติดยาเสพติดที่แท้จริง ซึ่งตนประเมินว่าอาจมีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
ขณะที่นายศาสตรา ศรีปาน สส. จังหวัดสงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวอภิปรายสนับสนุนว่า ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างโจ่งแจ้ง แม้ว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่างรับรู้แต่ไม่มีการจับกุม ทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่น
นายโสภณ กล่าวย้ำว่า หากพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ และปล่อยให้การพนัน และอบายมุข ทั้งบ่อน และหวย รัฐบาลจะเข้าไปจัดการอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะหน่วยงานภายใต้การกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ต้องปราบปรามการพนันออนไลน์ และตำรวจจะต้องไม่ละเลยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นด้วย
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง