การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ภายหลังเสร็จสิ้นการปรึกษาหารือตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ได้เข้าสู่การพิจารณาเรื่องด่วน โดยนายรอมฎอน ปันจอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาผลกระทบกรณีการขาดอายุความของคดีตากใบและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐและการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ เช่นเดียวกับนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.จังหวัดนราธิวาส พรรคประชาชาติ ที่ได้เสนอญัตติด่วนในทำนองเดียวกัน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันพิจารณาหาทางออกกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีคดีสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบขาดอายุความ จากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดให้ผู้เสนอญัตติด่วนอภิปรายเหตุผลของการเสนอญัตติ
นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนคดีตากใบจะหมดอายุความลงในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้( 25 ต.ค. 67) ขณะที่การดำเนินคดีที่ยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาที่ศาลได้ เหตุการณ์ตากใบเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงในรอบ 20 ปี เป็นเหตุการณ์ที่มีจุดเปลี่ยนผ่านความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลที่ต้องสะสางอย่างมีวุฒิภาวะ เพื่อให้สามารถเดินหน้าในการสร้างสันติภาพ หาข้อยุติความขัดแย้ง เป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐ สิทธิเสรีภาพ หลักนิติรัฐ นิติธรรม และต้องมีเหตุผลในการรับมือกับเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สะท้อนว่ากระบวนการยุติธรรมกำลังถูกท้าทาย เกิดคำถามว่าประเทศไทยยังถูกปกครองอยู่ในหลักนิติธรรมหรือไม่ ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อประชาชนจะเกิดขึ้นหรือไม่ กระบวนการพูดคุยและเจรจาในเวลานี้ที่ยังไม่มีความชัดเจน และคงยากขึ้นเมื่อเหตุการณ์ตากใบได้ผูกเงื่อนปมใหม่ ความเชื่อมั่นไว้วางใจต่ออำนาจรัฐที่กำลังถดถอย เรากำลังเผชิญกับข้อพิสูจน์ที่ว่ารัฐไทยไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้ จริงหรือไม่ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องแสวงหาทางออกเร่งด่วน ที่สำคัญคือจะโอบอุ้มความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่กำลังรอคอยความจริงและความยุติธรรมได้อย่างไร เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องนำเรื่องท้าทายและเป็นปัญหาหลักของรัฐ มาพูดคุยกันในสภาในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย เพื่อหาทางออกร่วมกัน พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาทางการเมือง ที่ไม่ใช่การเมืองระหว่างพรรคหรือบุคคล แต่เป็นปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนที่ไม่ลงตัว อยู่ในสัมพันธภาพที่เปราะบาง จึงควรใช้พื้นที่ของสภาเพื่อรองรับความหลากหลายทางความคิด รับฟังความเห็นที่แตกต่าง เผชิญหน้าปัญหาอย่างมีวุฒิภาวะ เพราะความยุติธรรมที่เราต้องการอาจไม่ใช่การดำเนินคดีในชั้นศาลเท่านั้น แต่อาจหมายถึงการเปิดเผยความจริง การเยียวยา ฟื้นฟู การปฏิรูปเชิงสถาบันต่างๆ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ที่ใช้อำนาจรัฐฆ่าประชาชนเกิดขึ้นอีก
ด้านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.จังหวัดนราธิวาส พรรคประชาชาติ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคประชาติเป็นห่วง คือ เหตุการณ์ตากใบจะเป็นเรื่องหนึ่งที่อาจนำไปสู่เงื่อนไขใหม่ของการก่อความไม่สงบในพื้นที่ อีกทั้งขณะนี้มีการเบี่ยงเบนประเด็นทั้งกรณีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตลุกขึ้นต่อสู้เพื่อร้องขอความเป็นธรรม แต่กลับถูกมองว่าเหตุใดจึงเพิ่งมาเรียกร้อง เพราะได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว ซึ่งตามกฎหมายระบุไว้ว่า แม้ครอบครัวผู้สูญเสียจะได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้คดีอาญาถูกระงับไปด้วย โดยกรณีเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่จากสถานการณ์ กฎหมายให้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา แต่ไม่ตัดสิทธิประโยชน์อื่น บ้างก็มองว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เรียกร้องความยุติธรรมเป็นพวกแนวร่วม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พรรคประชาชาติกังวลว่าอาจนำไปสู่ความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีก ที่ผ่านมาพรรคประชาชาติได้แสดงจุดยืนมาโดยตลอดในการให้รัฐนำตัวผู้กระทำผิดและจำเลยมาลงโทษให้ได้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานรับฟังความรู้สึกของประชาชน และขอให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ขออย่ามองว่าผู้ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมจะเป็นแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ แต่เป็นการใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมฝากถึงผู้กระทำผิดและจำเลยในคดีตากใบว่า ขณะนี้ยังมีเวลาในการเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีแสดงความจริงใจด้วยการเสนอแก้กฎหมายอาญาว่าด้วยอายุความ กรณีเจ้าหน้าที่ทำประชาชนเสียชีวิต อย่างน้อยก็เพื่อเยียวยาความรู้สึกประชาชน ว่าในการลุกขึ้นสู้ แม้ไปได้ไม่สุดทาง แต่ก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง