นายวรภพ วิริยะโรจน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ คนที่สอง สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนางสาวรักชนก ศรีนอก โฆษกคณะ กมธ. และนายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม กมธ. ที่มีการพิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณในการพัฒนาระบบบัญชีคอมพิวเตอร์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (New e-LAAS) ไม่สามารถใช้งานข้อมูลด้านการคลังได้ ในช่วงเวลาทำการ จนก่อให้เกิดภาระงานซ้ำซ้อน” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.68 กมธ. ได้เชิญข้าราชการท้องถิ่นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นผู้ใช้งานระบบ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) และธนาคารกรุงไทย ในฐานะบริษัทเอกชนผู้พัฒนาระบบ New e-LAAS เข้าร่วมชี้แจง
นายวรภพ กล่าวว่า ข้าราชการท้องถิ่นจาก อปท.ซึ่งเป็นผู้ใช้งานระบบ ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากเหตุการณ์ระบบ New e-LAAS ล่ม โดยข้าราชการที่รับผิดชอบลงข้อมูลการเงินการคลังหลายรายไม่สามารถยืนยันตัวตนเพื่อเข้าสู่ระบบได้อีกจำนวนมาก ส่วนผู้ที่เข้าใช้งานระบบได้จำเป็นต้องเข้าใช้งานตามเวลาที่ระบบเปิดให้ลงข้อมูลเท่านั้น เพียง 1 วันต่อสัปดาห์ หลายคนต้องรอเข้าใช้งานช่วงกลางคืนจนถึงจนถึงเช้า อีกทั้งยังต้องแบกรับความเสี่ยงต่อการถูกลงโทษทางวินัยจากกรอบเวลาที่กำหนดส่งข้อมูลและเรื่องวินัยการเงินการคลังด้วย นอกจากนี้ ปัญหาระบบ e-LAAS ล่ม ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ระบบ e-LAAS ระบบเก่าก็เคยถูกปิดไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยที่ผู้ใช้งานไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้สำรองข้อมูลแต่อย่างใด และทำให้ข้อมูลในระบบสูญหายไปในช่วงระหว่างวันที่ 5 ม.ค.-5 ก.พ.67 (6 เดือน) ทำให้ข้าราชการท้องถิ่นต้องรับผิดชอบลงข้อมูลย้อนหลัง แต่เมื่อมีระบบ New e-LAAS ระบบใหม่ขึ้นมา แต่ก็ยังไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้น ข้าราชการท้องถิ่น จึงขอเรียกร้องให้แบ่งกลุ่มผู้รับผิดชอบงานเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่สามารถยืนยันตัวตนเข้าสู่ระบบ New e-LAAS ได้ ก็ให้ลงข้อมูลการคลังต่อไป ส่วนใครที่ไม่สามารถเข้าระบบดังกล่าวได้ ก็ควรอนุญาตให้ดำเนินการจัดทำข้อมูลการคลังแบบทำมือได้ และไม่ควรถูกเอาผิดทางวินัยการเงินการคลัง เพราะข้าราชการท้องถิ่นถือเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้จัดจ้างจัดทำระบบ New e-LAAS ยอมรับว่า ปัญหาเกิดจากการออกแบบระบบที่นำข้อมูลทุกอย่างไว้บนฐานข้อมูลเดียวกัน และประมาณการณ์จำนวนผู้เข้าใช้ข้อมูลผิดพลาด รองรับจำนวนผู้เข้าใช้งานพร้อมกันได้น้อยกว่าผู้ใช้งานจริง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะแก้ไขระบบนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน แต่ทาง กมธ. มองว่า การแก้ปัญหามีความล่าช้าและส่งผลต่อการทำงานของท้องถิ่น
นายวรภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า กมธ. ตั้งข้อสังเกตและมีข้อเสนอแนะ ต่อกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยขอให้เร่งหารือกับ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้มีการปรับปรุงคำสั่งหรือแนวทางให้ท้องถิ่นที่ไม่สามารถเข้าใช้งานระบบ New e-LAAS ได้ โดยอนุญาตให้ดำเนินการจัดทำข้อมูลการคลังแบบทำมือไปพลางก่อนได้ และไม่ควรนำเรื่องการลงโทษวินัยมากดดันข้าราชการท้องถิ่น รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของธนาคารกรุงไทย อย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่า ระบบ New e-LAAS ถูกแก้ไขแล้ว และสามารถใช้งานได้ตามปกติ เป็นไปตามสัญญาว่าจ้าง พร้อมทั้งตรวจสอบว่า ธนาคารกรุงไทย ได้ว่าจ้างบุคคลภายนอก หรือ Outsource โดยไม่มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น หรือไม่ ซึ่งถือว่าอาจผิดเงื่อนไขตามสัญญา
นางสาวรักชนก ศรีนอก โฆษกคณะ กมธ. กล่าวว่า กมธ. ขอยืนยันว่า จะติดตามเรื่องนี้จนกว่าระบบ New e-LAAS จะกลับมาใช้งานได้ ในระหว่างนี้ กมธ.จะปกป้องข้าราชการท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างถึงที่สุด ไม่ให้ถูกลงโทษทางวินัย เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้นจากตัวระบบ ไม่ได้เกิดจากผู้ใช้งาน และจะช่วยรักษาผลประโยชน์ของข้าราชการทุกคนอย่างเต็มที่
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง