30 มิ.ย.68 - ผู้นำฝ่ายค้านฯ ขอรอดูจังหวะเหมาะสม ประเมินสถานการณ์รอบด้านก่อนยื่นซักฟอก ม.151 เตรียมประชุมพรรคร่วมหารือทิศทางการทำงาน วันที่ 2-3 ก.ค. นี้ มองกระแสการชุมนุมประชาชนเจตนาดี ย้ำต้องปิดทุกช่องนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร

           นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านภายหลังพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเป็นฝ่ายค้าน ว่าในสัปดาห์นี้จะมีการประชุม 2 นัดหมายสำคัญ คือ การประชุมวิปฝ่ายค้าน ในวันพุธที่ 2 ก.ค. 68 เวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา และการประชุมระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.ค. 68 เวลา 09.00 น. ที่อาคารรัฐสภาเช่นเดียวกัน โดยขอให้รอฟังผลการประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ส่วนท่าทีของพรรคร่วมฝ่ายค้านในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 นั้น เป็นหัวข้อที่ต้องหารือกันอยู่แล้ว พร้อมมองว่ายังมีอีกหลายทางเลือกที่สามารถใช้กลไกในสภาในการตรวจสอบฝั่งรัฐบาลได้ ยืนยันว่า พรรคประชาชนไม่ได้เห็นต่างหรือเห็นค้านในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 แต่การยื่นญัตติจะต้องเป็นไปอย่างแม่นยำตามจังหวะสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน โดยเฉพาะการรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 ก.ค. นี้ ว่าจะมีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 สามารถยื่นได้เพียง 1 ครั้งต่อสมัยประชุม ถ้ายื่นเร็วเกินไปแล้วเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เช่น ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจเท่ากับว่าเสียของ ต้องรอถึง ก.ค.ปีหน้าอีกครั้งถึงจะยื่นใหม่ได้ จึงต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน รวมทั้งรอดูความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ แล้วถึงเวลา ค่อยยื่นอย่างแม่นยำ ซึ่งไม่ได้เป็นการเสียเวลาแต่อย่างใด 

           สำหรับกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องให้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เข้าใจในความบริสุทธิ์ใจของประชาชนที่ออกมาเรียกร้องตามสิทธิ แต่เป็นห่วงว่าจะมีบางกลุ่มแฝงเข้ามาฉวยโอกาสผลักดันแนวทางที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการที่ไม่ได้เป็นไปตามประชาธิปไตย เช่น การปฏิวัติรัฐประหาร พร้อมเตือนประชาชนให้ระวังอย่าเป็นเครื่องมือของกลุ่มที่มีวาระแฝง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(28 มิ.ย.68) แม้แกนนำผู้ปราศรัยบนเวทีจะไม่ได้พูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่กลับพูดว่า ถ้าจะปฏิวัติ ขอแค่อย่าให้ทหารขึ้นเป็นนายกอีก ซึ่งเป็นการเปิดช่องทางความคิดที่อันตราย ทั้งนี้ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และเดินหน้าสู่การเลือกนายกรัฐมนตรีนอกระบบหรือตามมาตรา 5 จะเป็นอีกหนึ่งทางออกที่เลวร้ายไม่ต่างจากการรัฐประหาร พร้อมย้ำว่าทุกการเคลื่อนไหวของพรรค ต้องอยู่บนหลักการประชาธิปไตย และไม่เปิดช่องให้กระบวนการนอกระบบเกิดขึ้น

             หัวหน้าพรรคประชาชน ยังกล่าวถึงผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ซึ่งพรรคประชาชนได้รับคะแนนนิยมอันดับ 1 และนายณัฐพงษ์ได้คะแนนสูงสุด ในหัวข้อบุคคลที่ประชาชนสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นผลสะท้อนจากความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน พร้อมยืนยันว่าจะไม่ประมาท และจะยึดหลักการนำเสนอทางออกให้กับสังคม ไม่ใช่ใช้ผลโพลเพื่อหวังชัยชนะทางการเมือง สำหรับการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาอยู่ในผลโพลด้วย ชี้ว่าสะท้อนความต้องการของประชาชนบางกลุ่มที่อยากได้นายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็งจากฝ่ายทหาร

            ต่อข้อซักถามการเสนอชื่อรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง นายณัฐพงษ์ระบุว่า พรรคประชาชนไม่สามารถเสนอชื่อได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าห้ามผู้นำฝ่ายค้านฯ มาจากพรรคการเมืองที่มีคนดำรงตำแหน่งประธานหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ส่วนพรรคอื่นๆจะเสนอหรือไม่เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค สำหรับพรรคภูมิใจไทย หากมีการเสนอชื่อ แล้วได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ กังวลว่าอาจส่งผลต่อการดำเนินงานฝ่ายค้าน เนื่องจากตามนิตินัยยังถือเป็นฝั่งรัฐบาล แม้พฤติการณ์จะอยู่ฝ่ายค้าน ซึ่งคาดว่าการประชุมฝ่ายค้านสัปดาห์นี้จะได้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับทิศทางการทำงานต่อไป 

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ