นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา นำคณะกมธ.เดินทางเยือนและประชุมทวิภาคีร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สาธารณรัฐอิตาลี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และเรียนรู้แนวทางการดำเนินนโยบายด้านสาธารณสุขของอิตาลีในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านระบบหลักประกันสุขภาพ การป้องกันควบคุมโรค การส่งเสริมสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีในด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอิตาลี สำหรับข้อมูลพื้นฐานของ สธ.สาธารณรัฐอิตาลี (Ministero della Salute) เป็นหน่วยงานหลักด้านนโยบายสุขภาพของประเทศ มีอำนาจกำกับดูแลนโยบายการให้บริการสาธารณสุขทั่วประเทศ กำหนดมาตรฐานการดูแลสุขภาพ วางแผนยุทธศาสตร์การป้องกันโรค และกำกับดูแลกิจการสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น โดยมีสถาบันสุขภาพแห่งชาติอิตาลี (Istituto Superiore di Sanità – ISS) ทำหน้าที่ด้านวิชาการและวิจัยรองรับนโยบายสาธารณสุขของประเทศ
โอกาสนี้ ผู้แทนฝ่ายอิตาลีในการหารือ ได้แก่ H.E. Prof. Orazio Schillaci, Minister of Health รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ Mr. Gabriele Altana, Minister, Diplomatic Advisor of the Minister of Health ที่ปรึกษาทางการทูตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ประเด็นหารือ ประกอบด้วย นโยบายระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของอิตาลี โดยยึดหลักสุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และการให้บริการเป็นไปโดยไม่มีเงื่อนไขด้านรายได้หรือสถานที่พำนัก เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึง รวมถึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ นโยบายการป้องกันและควบคุมโรคอิตาลี มีแผนป้องกันโรคแห่งชาติระยะเวลา 5 ปี (ค.ศ. 2020–2025) เพื่อวางแผนและกำกับการดำเนินงานด้านการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพแบบบูรณาการ และการดำเนินการระหว่างสถานการณ์โควิด-19 ใช้กลไกคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุข สถาบันสุขภาพแห่งชาติอิตาลี (ISS) และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อการประเมินความเสี่ยงและการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ จากการหารือพบว่า ปัจจุบันสาธารณรัฐอิตาลีไม่มีรายงานการติดเชื้อโควิด 19 ใหม่ในประเทศ แนวทางการดูแลผู้สูงอายุและเขตสุขภาพ Blue Zones โดยอิตาลีมีพื้นที่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Blue Zones เช่น เกาะซาร์ดิเนีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชากรมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี และปัจจัยที่สนับสนุนอายุยืน เช่น ปัจจัยด้านพันธุกรรม อาหารจากธรรมชาติ บริบททางสังคมและวัฒนธรรม คุณค่าของความทรงจำร่วม และสภาพแวดล้อม และกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในงานสาธารณสุข ทั้งนี้คณะกมธ.ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีอาสาสมัครด้านสุขภาพในระดับชุมชน เปรียบเทียบกับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ของประเทศไทย ซึ่งฝ่ายอิตาลีชี้แจงว่า ไม่มีระบบอาสาสมัครที่มีโครงสร้างถาวร เช่น อสม. แต่มีการจัดตั้งอาสาสมัครตามสถานการณ์เฉพาะ เช่น ช่วงวิกฤตสุขภาพ หรือ การรณรงค์ด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ คณะกมธ.ยังได้พบปะหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับนางสาวจันทรรัตน์ งามชนะ อัครราชทูต เกี่ยวกับนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอิตาลี ในหลากหลายมิติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับนโยบายด้านสาธารณสุข การพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ และระบบหลักประกันสุขภาพของสาธารณรัฐอิตาลี การศึกษาวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพที่สำคัญ โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุที่ทำให้ประชากรของอิตาลีมีอายุยืนยาว รวมถึงการดูแลด้านสุขภาพของคนไทยที่พำนักอาศัย ณ สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งถือเป็นกลุ่มประชากรที่มีความสำคัญในการกำหนดนโยบายการทูตสุขภาพในต่างแดน จากการหารือดังกล่าว คณะกมธ.ได้รับทราบข้อมูลเชิงนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทิศทางระบบสุขภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะเชิงเปรียบเทียบและนำไปสู่การจัดทำข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มีความครอบคลุมและตอบสนองต่อบริบทของสังคมไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามการหารืออย่างเป็นทางการในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยกับสาธารณรัฐอิตาลี ตลอดจนศักยภาพของความร่วมมือในระดับทวิภาคีที่สามารถขยายผลได้ในอนาคต ทั้งในด้านสาธารณสุข การวิจัยทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ตลอดจนความร่วมมือด้านสุขภาพ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาความร่วมมืออย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศต่อไป
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา