นายคริษฐ์ ปานเนียม ประธานอนุกรรมาธิการศึกษาและแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำวัง ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในจังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำปิงและแม่น้ำวัง ว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ในปีนี้มีปริมาณค่อนข้างมาก และน้ำเริ่มทะลักไหลเข้าสู่พื้นที่ไร่ นาของประชาชน จึงมีความกังวลว่าปีนี้น้ำจะท่วมเหมือนเช่นเคยอีก หรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณลุ่มแม่น้ำวังซึ่งมีน้ำท่วมติดต่อกันมาถึง 3 ปี และคาดว่าปีนี้น้ำท่วมอีกต่อเนื่อง ซึ่งทาง อนุ กมธ.แก้ปัญหาล่มน้ำวัง ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและมีมติเห็นพ้องว่า ลุ่มน้ำวังได้เผชิญปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว จึงควรมีการวางแผนการแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งท่วมและน้ำแล้งให้เบ็ดเสร็จไปในคราวเดียวกัน ประกอบกับแม่น้ำวังมีความยาวไม่มากนัก จึงมองว่า หากสามารถจัดทำแผนแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็สามารถใช้เป็นต้นแบบในการบริหารจัดการลุ่มน้ำอื่น ๆ ได้ต่อไป เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศใกล้เคียงกัน
ต่อข้อถามถึงการจัดสรรงบประมาณ ปี 69 ของรัฐบาลตอบโจทย์การบริหารจัดการลุ่มน้ำ หรือไม่ นายคริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณางบประมาณสัดส่วนลุ่มน้ำ ทั้ง 22 ลุ่มน้ำ ตนเห็นว่าทุกลุ่มน้ำควรได้งบประมาณที่เหมาะสมในแต่ละลุ่มน้ำและพัฒนาไปพร้อมกัน อาจจะ 5 ปี หรือ 10 ปี แล้วเสร็จ แต่ปีนี้งบประมาณในการจัดการน้ำเห็นชัดเจน ว่า ไม่ได้มีความเหมาะสม เพราะโยกไปในส่วนของบางลุ่มน้ำจำนวนมากจนผิดถูกผิดตา โดยเฉพาะลุ่มน้ำวังได้รับงบประมาณอยู่ที่ 10% เท่านั้น หากเทียบกับการของงบประมาณทั้งหมด อยู่ในลำดับที่ 20 คือ ได้รับการจัดสรรงบในสัดส่วนที่น้อยมาก ส่วนลุ่มน้ำที่ได้มากเกิน 50% คือ กลุ่มลุ่มน้ำภาคกลางและภาคตะวันออก ขณะที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ที่ประมาณ 11 % ได้รับการจัดสรรงบเกือบต่ำสุดเช่นเดียวกัน ทั้งที่มีน้ำท่วมติดต่อกันมาถึง 2 ปี ส่วนงบประมาณในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่เหมาะสมเช่นกัน แต่อาจเป็นเพราะรัฐบาลได้นำงบกลางไปทุ่มได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนว่าจากการจัดสรรงบประมาณรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาน้ำแล้งหรือน้ำท่วมเท่าที่ควร
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง