นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดสมุทรปราการ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตกรณีการพบเงินสด 12 ล้านบาท ซุกซ่อนในกล่องพลาสติก ณ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเอกสารหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมายของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) วางอยู่ใกล้กัน กับการประมูลคลื่นความถี่ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ กสทช. กำลังจะจัดการประมูลคลื่นความถี่ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ ซึ่งมีการตั้งราคาเริ่มต้นไว้ต่ำอย่างน่ากังวล และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาล
นางสาวพนิดา กล่าวด้วยว่า มติบอร์ด กสทช. ได้อนุมัติการนำคลื่นความถี่ 4 ย่านหลักออกมาประมูล พร้อมเคาะราคาเริ่มต้น ดังนี้คลื่น 850 MHz ราคาเริ่มต้น 7,738.23 ล้านบาท คลื่น 1500 MHz ราคาเริ่มต้น 1,057.49 ล้านบาท คลื่น 2100 MHz ราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท และคลื่น 2300 MHz ราคาเริ่มต้น 2,596.15 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตนมีข้อห่วงใน 2 ประการ ประการแรก คือ โครงสร้างตลาดโทรคมนาคมไทยที่เหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2 ราย คือ AIS และ True/DTAC ซึ่งทำให้การแข่งขันในตลาดแทบไม่เกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน AIS ใช้คลื่น 2100 MHz ส่วน TRUE ใช้คลื่น 2300 MHz เหมือนกับการแบ่งเค้กที่ลงตัวพอดี ทำให้การประมูลอาจเป็นเพียงพิธีกรรม ไม่ต้องแย่งกัน แต่ละรายก็นำคลื่นเดิมของตัวเองไปในราคาเริ่มต้น ซึ่งจะทำให้รัฐไม่ได้รายได้เพิ่มตามที่ควรจะเป็น
นางสาวพนิดา กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่สอง คือ ราคาเริ่มต้นการประมูลที่ต่ำเกินจริง โดยเฉพาะคลื่น 2100 MHz และ 2300 MHz นางสาวพนิดาได้ให้ข้อมูลเปรียบเทียบที่น่าสนใจดังนี้ คลื่น 2100 MHz: กสทช. ตั้งราคาเริ่มต้นที่ 4,500 ล้านบาท โดยอ้างอิงราคาประมูลเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (ปี 2555) แต่กลับไม่ได้ปรับค่าเงินตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหากคำนวณเป็นมูลค่าปัจจุบัน ควรจะมีราคาอย่างน้อย 5,150 ล้านบาท (สูงกว่าราคาเริ่มต้น 650 ล้านบาท) ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาจากความสามารถในการจ่าย (Willingness to Pay) จะพบว่าปัจจุบัน AIS จ่ายค่าเช่าใช้โครงข่ายคลื่นนี้ให้กับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT สูงถึง 12,669.10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสูงกว่าราคาเริ่มต้นเกือบ 3 เท่า ส่วนการประมูลคลื่น 2300 MHz นั้น กสทช. ตั้งราคาเริ่มต้นเพียง 2,596.15 ล้านบาท ในขณะที่ปัจจุบัน DTAC (ซึ่งปัจจุบันควบรวมกับ TRUE) จ่ายค่าเช่าใช้คลื่นนี้ให้รัฐในราคาสูงถึง 7,309.10 ล้านบาทต่อปี หรือสูงกว่าราคาเริ่มต้นเกือบ 3 เท่าเช่นกัน
นางสาวพนิดา กล่าวย้ำว่า การกำหนดราคาขั้นต่ำที่ต่ำเกินไปเช่นนี้ อาจทำให้เกิดข้อวิจารณ์ว่า กสทช. มีเจตนาที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทโทรคมนาคมหรือไม่ แม้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเงินสด 12 ล้านบาทในกล่องพลาสติกจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการประมูลคลื่นครั้งนี้ แต่การปรากฏขึ้นของเอกสาร กสทช. ข้างกล่องเงิน ยิ่งทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสของกระบวนการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ ดังนั้น ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนและสื่อมวลชนร่วมกันจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง