พล.อ. สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา แถลงข่าวภายหลังจัดกิจกรรม ถกแถลงเพื่อรักษาแผ่นดินไทย ในประเด็นเราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร ณ ห้องประชุม 406 - 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา ว่ากิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นสืบเนื่องจาก คณะกมธ.ได้เดินทางไปยังพื้นที่ปฏิบัติการของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ที่เกิดกรณีพิพาทในเขตจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อให้เห็นสภาพภูมิประเทศจริง และในการลงพื้นที่ได้พบปะแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจแก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อย่างไรก็ตามภายหลังได้พิจารณาอย่างรอบด้านแล้วพบว่าสถานการณ์แนวชายแดนไทย - กัมพูชา มีความซับซ้อนและสะสมความตึงเครียดมาเป็นเวลานาน คณะกมธ.จึงมีความเห็นว่าการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวควรกระทำด้วยความรอบคอบ จึงได้เชิญคณาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิ มาให้ความรู้และแสดงความคิดเห็นในขอบข่ายความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย นายวีรพันธุ์ มาไลยพันธุ์ อดีตคณบดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ถกแถลงในประเด็นปราสาททั้งหลายในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา นายคำนูญ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ถกแถลงในประเด็นมุมมองข้อกฎหมายและกระบวนการของศาลโลก รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถกแถลงในประเด็นปัญหาและการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และ ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นผู้ดำเนินรายการถกแถลง การอภิปราย และแสดงความคิดเห็น
พล.อ. สวัสดิ์ กล่าวต่อไปว่าการถกแถลงครั้งนี้มีประโยชน์อย่างมาก ต่อการเสนอแนะแนวทางไปยังรัฐบาล ซึ่งหลังจากนี้ คณะกมธ.จะประชุมพร้อมนำผลลัพธ์ทั้งหมด ทั้งจากการลงพื้นที่ การถกแถลงของนักวิชาการ นำมาสรุปรวบรวมและนำไปสู่การเสนอแนะหรือให้คำแนะนำกับรัฐบาลเพราะขณะนี้การดำเนินการของฝ่ายทหาร รัฐบาล ตลอดจนโลกโซเชียลมีเดียต่าง ๆ อยู่ในลักษณะกระจายต่างคนต่างทำไม่เกิดความเป็นเอกภาพ ขณะที่กัมพูชาค่อนข้างมีเอกภาพในการดำเนินการภาพรวม และการปลุกเร้าประชาชนในเรื่องของการรักชาติ แต่ฝั่งของไทยยังไม่ชัดเจนในบางเรื่อง ถือว่ายังอ่อนเกินไปจึงจำเป็นต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ ยืนยันว่าจะใช้ผลลัพธ์ทั้งหมดให้เป็นประโยชน์ เสนอแนะไปยังรัฐบาลเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย
ต่อข้อถามว่า จำเป็นต้องเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคง หรือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้ามาชี้แจงต่อคณะกมธ. ด้วยหรือไม่ พล.อ. สวัสดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น ปัญหาที่พบในพื้นที่คือเรื่องเส้นทางเพื่อความมั่นคง จะเห็นว่ากัมพูชามีถนนโยงใยจนถึงชายแดน เข้าสู่หมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้น แต่ของฝั่งไทยเส้นทางยังลำบากมากและมีน้อย หรือแทบจะไม่มี ดังนั้นเรื่องถนนเพื่อความมั่นคงจะต้องอาศัยการหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแก้ไขข้อกฎหมายต่าง ๆ ให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องการเจรจาคณะกมธ.เขตแดนร่วม (JBC) ของรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย. 68) มองว่ารัฐบาลคงเตรียมการไว้แล้ว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นต้องรอ แต่การจะไปสู่ศาลโลกมองว่าต้องเตรียมการ แม้ประเทศไทยไม่ยอมรับเงื่อนไขเรื่องเขตอำนาจศาลโลกแต่ต้องมีเหตุและผลในการดำเนินการ ส่วนกรณีการปิดด่านผ่านแดนระหว่างไทย - กัมพูชา และกรณีที่กัมพูชาออกมาประกาศไม่ยอมรับภาพยนตร์ไทยนั้น มองเป็นเกมที่วางไว้ก่อนการประชุม JBC หรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า มองว่าทุกอย่างเป็นแผนที่วางไว้แล้วเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้นหากจะเจรจาใด ๆ ไทยต้องมีอำนาจในการต่อรอง หนักแน่น และชัดเจน
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง