นายพริษฐ์ วัชรสินธุ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และ นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เปิดเผยก่อนเข้าร่วมการประชุมนัดแรก โดยนายพริษฐ์ กล่าว ว่า ปชน. ได้เตรียม 4 แนวทาง ซึ่งได้หารือไว้ล่วงหน้าและเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกมธ.วิสามัญฯ ประกอบด้วย การตั้งเป้าปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น การให้ที่ประชุมกมธ.วิสามัญฯ มีมติร่วมกันให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ชี้แจงงบประมาณของแต่ละกระทรวงต่อคณะกมธ.วิสามัญฯ ด้วยตนเอง เสนอให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมคณะกมธ.วิสามัญฯ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลการประชุมอย่างทั่วถึง พร้อมกับต้องการให้หน่วยงานนำเสนอข้อมูลในลักษณะของไฟล์เอกสาร ที่สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ง่าย
ด้านนางสาวศิริกัญญา ระบุว่า มีความมั่นใจว่า ปชน. จะสามารถเสนอตัดงบประมาณได้อย่างน้อย 50,000 ล้านบาท และถ้าหากรัฐบาลให้ความร่วมมือจะสามารถปรับลดงบประมาณลงได้อีกถึง 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าควรมีการเรียงลำดับความสำคัญโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยโครงการใดที่ยังไม่มีความเร่งรีบควรเลื่อนออกไปก่อน ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงงบประมาณในส่วนของรัฐสภาว่ามีแนวคิดจะปรับลดหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่าไม่ว่าจะงบประมาณในส่วนใดหากไม่มีความจำเป็น พร้อมที่จะพิจารณาปรับลด พร้อมยกตัวอย่างว่าตลอดทั้ง 3 เดือนต่ อจากนี้ในการประชุมคณะกมธ.วิสามัญฯ ตนได้ใช้ห้องประชุมงบประมาณซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้พิจารณาว่าสมควรที่จะมีการปรับปรุงตามห้องประชุมตามที่มีการของบประมาณเข้ามา 120 ล้านบาทหรือไม่ แต่ส่วนตัวขณะนี้ยังไม่เห็นปัญหาอะไรที่จะต้องมีการปรับปรุง
นอกจากนี้สื่อมวลชนยังถามถึงตำแหน่งในคณะกมธ.วิสามัญ ที่ ปชน. มีความสนใจ นางสาวรักชนก กล่าวว่าจะเสนอตัวเองรับตำแหน่ง รองประธานคณะกมธ.เพื่อช่วยควบคุมการประชุม และเชื่อว่าเสียงของคณะกมธ.สัดส่วน ปชน. มีเพียงพอที่จะทำให้ได้รับตำแหน่งดังกล่าว
ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาตอบรับประเทศไทยในการพูดคุยเรื่องกำแพงภาษี นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ขณะนี้ต้องการความชัดเจนจากรัฐบาลไทย ว่าจะมีการพูดคุยกันวันและเวลาใด เพื่อให้มีความชัดเจนว่าจะสามารถมีข้อตกลงทันในวันที่ 7 กรกฎาคม นี้ ที่กำหนดไว้ว่าจะประกาศขึ้นภาษี ส่วนไทยจะมีความได้เปรียบหรือไม่มองว่าเมื่อมองกลยุทธ์ในขณะนี้ ที่ประเทศไทยยังไม่รีบร้อน แล้วรอดูท่าทีจากประเทศอื่น ๆ คาดว่าเป็นแนวทางที่ดี แต่ยังมีความกังวลว่าหากท่าทีที่รออยู่นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรต่อไป ดังนั้นกระบวนการจะต้องมีการทบทวน ในหลายประเด็น นอกเหนือจากการค้ายังมีเรื่องการลงทุน และมาตรฐานอื่น ๆ ที่ทางสหรัฐอเมริกาจะต้องยื่นมาด้วย
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง