สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการพัฒนาความรู้และเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านต่างประเทศภายใต้บริบทพหุสังคมและเทคโนโลยี AI กิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านต่างประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือความท้าทายระดับสากล" โดยมีนางสาวสตีจิตร ไตรพิบลูย์สุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการสำนัก ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านวิเทศสัมพันธ์ และการต่างประเทศ ณ ห้องประชุมสัมมนา B1- 2 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา
ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดโครงการฯ ว่า การดำเนินงานด้านต่างประเทศของรัฐสภามีความสำคัญยิ่ง โดยทำหน้าที่เป็นกลไกในการส่งเสริมความร่วมมือกับรัฐสภาในประเทศต่าง ๆ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งนับวันจะยิ่งทวีความสำคัญ ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ดังนั้น บุคลากรจำเป็นต้องมีความรู้ที่ทันสมัย รอบรู้ เข้าใจสังคมพหุวัฒนธรรม และสามารถใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อเสริมบทบาทของรัฐสภาไทยบนเวทีโลกให้สง่างาม แข็งแกร่ง และยั่งยืน โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านต่างประเทศให้กับบุคลากรในสำนักงานฯ ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งในรูปแบบการบรรยาย เสวนา และศึกษาดูงาน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความท้าทายในยุคดิจิทัล และการประยุกต์ใช้ AI ในบริบทของงานรัฐสภา พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่จะเป็นทุนทางสังคมในระยะยาว
ผศ.ดร.นพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานคณะทำงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสหภาพรัฐสภา กล่าวปาฐกถาพิเศษ: มุมมองสมาชิกรัฐสภาต่อการทำงานด้านต่างประเทศในยุคดิจิทัล ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตและการทำงานของเรา และถือเป็น "ปัจจัยที่ 5 ของชีวิต" ในอดีตผู้คนมักใช้การค้นหาข้อมูลตั้งแต่ผ่านห้องสมุดจนการมาถึงของ Google Search และปัจจุบัน คือ การใช้ AI ช่วยค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วและละเอียดลึกกว่า Google Search ดังนั้น ผู้ที่ไม่ใช้ AI จะเสียเปรียบและไม่ทันคู่แข่งที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการทำงาน ทั้งนี้ จากประสบการณ์ส่วนตัวในการตำแหน่งรองประธานคณะทำงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเข้าร่วมประชุมในเวทีสหภาพรัฐสภา (IPU) พบว่าเจ้าหน้าที่มีบทบาทสำคัญในการประชุมระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการนำ AI มาใช้ในงานรัฐสภาในต่างประเทศ อาทิ การจดบันทึกการประชุม โดยการใช้ AI สามารถจับประเด็นการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และสามารถทำบันทึกการประชุมหรือรายงานการประชุมได้ทันที เช่นเดียวกับการลงคะแนนเสียง ซึ่งบางประเทศใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการลงคะแนนเสียงได้ แม้จะอยู่ในห้องกรรมาธิการหรือห้องทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
ผศ.ดร.นพดล อินนา กล่าวถึงความคาดหวังของสมาชิกรัฐสภาต่อเจ้าหน้าที่สนับสนุนการทำงานต่างประเทศ ว่า สมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่มีความเห็นตรงกันว่า การประชุมในปัจจุบัน มุ่งเน้นที่งานเป็นหลัก ดังนั้น ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา จำเป็นต้องปรับตัวอย่างมากในการศึกษาค้นคว้า และต้องทันต่อข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ เพื่อใช้ในการโต้ตอบหรืออภิปรายกับประเทศอื่น ๆ ดังนั้น งานด้านต่างประเทศจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และผู้ที่ปฏิบัติงานต้องมีความทุ่มเทและไม่หยุดพัฒนาตนเอง เพราะพูดในนามตัวแทนของประเทศไทย ซึ่งต้องมั่นใจว่าข้อมูลที่พูดไปนั้นถูกต้องและเป็นที่เชื่อถือได้
จากนั้นเป็นการเสวนาวิชาการ หัวข้อ “การใช้เทคโนโลยี AI ในงานต่างประเทศ” โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เข้าร่วม ประกอบด้วย ดร. กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร ประธานกรรมการผู้จัดการบริษัทไอแอพพ์เทคโนโลยี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย นางสาวอรวรรณ บุนนาค นักวิชาการคอมพิวเตอร์เชี่ยวชาญ สำนักวิทยาการสารสนเทศ สำนักงานศาลปกครอง พันจ่าเอก กิตติ ตุ้ยแม้น นักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานวิทยาการคอมพิวเตอร์ สำนักสารสนเทศ และนายปิยะพล พวงแก้ว พนักงานวิชาการสื่อใหม่ กลุ่มงานผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
