นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นายภัณฑิล น่วมเจิมสส.กรุงเทพมหานคร นายเฉลิมพงศ์ เเสงดี สส.ภูเก็ต นายยอดชาย พึ่งพร สส.ชลบุรี และนายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) ร่วมกันแถลงข่าวในฐานะคณะทำงานปีกนโยบายของ ปชน. ด้านการท่องเที่ยว และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร สัดส่วน ปชน. เตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงแรมและสถานที่พักค้างคืน พ.ศ. .... หรือ กฎหมายที่พักเท่าเทียม เพื่อปลดล็อคให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก โฮสเทล และ แอร์บีเอ็นบี (air bnb) สามารถจดทะเบียน และจัดตั้งเป็นสถานที่พักค้างคืนได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยนายเท่าพิภพ ระบุว่าปัจจุบันโรงแรมและที่พักค้างคืนถูกควบคุมภายใต้ พ.ร.บ.โรงแรม ที่บังคับใช้มานาน และเป็นปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ธุรกิจที่พักค้างแรมในประเทศไทยมีการแข่งขันสูงแต่เหตุใดกฎหมายที่บังคับใช้มีความล้าหลังและเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการรายย่อย หากเปรียบเทียบโรงแรมที่พักกับห้างสรรพสินค้าเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ปัจจุบันนี้โรงแรมที่พักขนาดใหญ่เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าโลตัส แม็คโคร ในขณะที่ที่พักขนาดเล็ก โฮสเทล และ air bnb เปรียบเสมือนร้านขายของชำ แต่ในการจดทะเบียนและจัดตั้งนั้น ผู้ประกอบการขนาดเล็กกลับต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กับโรงแรมที่พักขนาดใหญ่ ซึ่งมองว่ามีความไม่เท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตามสำหรับข้อกังวลต่อผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ อาจไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่อาจมองว่ามีความไม่เป็นธรรมเพราะกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ได้ผ่านบททดสอบที่ยากมาแล้ว นายเท่าพภพ กล่าวว่าที่ประชุมคณะอนุกมธ. ในกมธ.การท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร เคยเชิญหน่วยงาน ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม และสมาคมโรงแรม มาหารือแล้ว พร้อมกับชี้แจงให้เห็นภาพว่าจะไม่กระทบต่อธุรกิจที่พักค้างคืน โรงแรมขนาดใหญ่เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน อีกทั้งหากในประเทศมีเพียงโรงแรมและที่พักขนาดใหญ่ จะไม่เกิดการแข่งขันด้านราคา และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทำให้นักท่องเที่ยวอาจไม่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้
ด้านนายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมถึงจุดเด่นของร่างกฎหมายที่พักเท่าเทียม ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะมองการประกอบธุรกิจที่พักค้างคืนในแง่ธุรกิจมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา พ.ร.บ.โรงแรม จะยึดโยงกับ กฎหมายอื่น ๆ หลายฉบับ อาทิ กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม กฎหมายด้านการอนุรักษ์โบราณสถาน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขออนุญาตจดทะเบียนและจัดตั้งธุรกิจสถานที่พักค้างคืน จึงยึดหลักการให้ผู้ประกอบการมีตัวตนทางกฎหมาย ด้วยการกำหนดเงื่อนไขให้น้อยลง แต่ยังคงมาตรฐานความปลอดภัยเท่าที่จำเป็นเอาไว้ เนื่องจากที่พักขนาดเล็กส่วนใหญ่จะมีขนาด 8 - 10 ห้อง และจะอยู่ในคูหาเก่าที่เป็นบ้าน หรืออาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ยังยึดหลักการการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นผู้ออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และเป็นผู้ให้อนุญาตหรือไม่ให้อนุญาตในกรณีการจดทะเบียนและจัดตั้ง รวมถึงค่าธรรมเนียมใด ๆ ที่เกิดขึ้น ควรตกเป็นของท้องถิ่นทั้งหมดเพื่อนำรายได้ส่วนดังกล่าวมาพัฒนาสาธารณูปโภคในท้องถิ่น และเมื่อสถานที่พักค้างคืนขนาดเล็กถูกจดทะเบียนและจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังทำให้ภาครัฐมีข้อมูลทราบว่าที่พักในประเทศไทย มีจำนวนมากน้อยเพียงใด เป็นประโยชน์ต่อบริหารจัดการ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภัยพิบัติสามารถให้ความช่วยเหลือและเยียวยาได้ครอบคลุม
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง