นายเศรณี อนิลบล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงปัญหาราคาลำไยตกต่ำว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการปลูกลำไยเกือบทั่วประเทศ โดยมีพื้นที่ให้ผลผลิตแล้วกว่า 1.64 ล้านไร่ ครัวเรือนเกษตรกรที่เกี่ยวข้องกว่า 142,000 ครัวเรือน และคาดว่าฤดูกาลผลิตปี พ.ศ. 2568 นี้ จะมีผลผลิตรวมประมาณ 1.55 ล้านตัน ซึ่งหากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการผลผลิตอย่างเป็นระบบ ปัญหาราคาตกต่ำก็จะเกิดซ้ำซาก แม้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยไร่ละ 1,400 บาท คนละไม่เกิน 10 ไร่ โดยใช้งบประมาณกว่า 1,994 ล้านบาท จากงบกลาง แต่ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และเป็นการใช้งบประมาณซ้ำซากทุกปี
นายเศรณี ระบุว่า สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญคือการ พัฒนาสวนลำไยคุณภาพ โดยเฉพาะใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมายกว่า 600,000 ไร่ ผ่านการส่งเสริมการตัดแต่งทรงพุ่ม การตัดแต่งช่อดอกและผล ตลอดจนการฟื้นฟูสวนลำไย เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูง สามารถส่งออกได้ และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกร แทนที่จะปล่อยให้มีการผลิตลำไยด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากจนราคาตกต่ำ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร ไม่เฉพาะลำไย แต่รวมถึงไม้ผลชนิดอื่น ๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาผลผลิต ลดภาระการใช้งบประมาณเยียวยา และยกระดับรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง
(แฟ้มภาพ)