30 ต.ค. 68 - ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติด่วน 3 เรื่องสำคัญ ครอบคลุมการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ผลกระทบจาก MOU ไทย-สหรัฐฯ ว่าด้วยแร่ธาตุสำคัญ และการตรวจสอบผลประโยชน์จากการลงทุนเหมืองในประเทศ ท่ามกลางความกังวลต่อท่าทีรัฐบาลและแรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจ

image

           การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 35 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ที่มีนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง สลับกันทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนรวม 3 เรื่องสำคัญ ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจและผลประโยชน์ของประเทศ ญัตติแรก เรื่อง แนวทางการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ที่นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งผู้รับผิดชอบชัดเจนและจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง นายรังสิมันต์ระบุว่า ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์สร้างความเสียหายทั่วโลกกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในกัมพูชาที่มีรายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายถึง 60% ของ GDP ถือเป็นภัยระดับโลกที่ไทยต้องเร่งปราบปราม 

        ญัตติที่สอง เรื่อง ผลกระทบจากการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและการส่งเสริมการลงทุน ที่นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอ โดยตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลดำเนินการโดยไม่เปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน และอาจทำให้ไทยเสียเปรียบสหรัฐฯ พร้อมชี้ว่าไทยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านแร่แรร์เอิร์ธ โดยจีนครองตลาดโลกถึง 90% ด้านการสกัดบริสุทธิ์ นายจิตติพจน์ยังแสดงความกังวลต่อคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่มาเลเซีย ซึ่งกล่าวถึงกรณีพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา โดยมองว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้นำประเทศออกมาระบุว่าประเทศไทยไปรุกล้ำพื้นที่เพื่อนบ้าน แม้นายกรัฐมนตรี ชี้แจงในภายหลังว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง 

        ส่วนญัตติที่สาม นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาชน เสนอให้ตรวจสอบรายละเอียดของ MOU เรื่องแร่ธาตุสำคัญเพิ่มเติม โดยเฉพาะขอบเขตผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ จะได้รับ และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองภายในประเทศ อย่างไรก็ตามทั้งสามญัตติมีที่มาจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมในนามประเทศไทย

           อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง อาทิ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เห็นว่าปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ทวีความรุนแรงขึ้น เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ โดยเฉพาะปัญหาสแกมเมอร์ที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา ขณะที่นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ไทยยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้ อาจมีผู้มีอิทธิพลในประเทศเกี่ยวข้อง ส่วนรองศาสตราจารย์พิเศษรุ่งเรือง พิทยศิริ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สนับสนุนทั้ง 3 ญัตติ พร้อมระบุว่า รัฐบาลเข้าใจคลาดเคลื่อนกรณีลงนาม MOU ด้านแร่แรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของสหรัฐฯ มากกว่าผลประโยชน์ของไทย อีกทั้งแหล่งแร่หายากส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ที่ห้ามใช้ประโยชน์ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุว่าหากประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติได้ประเทศไทยจะประสบกับธุรกิจฟอกเงิน นอมินี และบัญชีม้า เงินที่ประชาชนถูกหลอกจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจ ประชาชนขาดกำลังซื้อ ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศและอาจมีส่วนทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ภายหลังการอภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป 

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ