นพ. โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร พญ. กัลยพัชร รจิตโรจน์ รองประธาน กมธ. และคณะ ร่วมแถลงข่าวถึงผลการพิจารณาการบริหารจัดการกองทุนของสำนักงานงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดย นพ.โอชิษฐ์ กล่าวว่า กมธ. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล สะท้อนปัญหาการจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (กองทุนบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค) ให้ยังคงอยู่ดูแลสุขภาพให้กับประชาชนได้ต่อไป พร้อมมีข้อเสนอ ว่ากองทุนจะต้องสะท้อนต้นทุนการรักษาที่แท้จริง พร้อมจะต้องจ่ายเงินแก่หน่วยบริการสาธารณสุขให้รวดเร็วและตรงเวลามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับหน่วยบริการสาธารณสุขไม่ต้องรอเวลานาน 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข จะต้องหารือกับสำนักงบประมาณ ให้จัดสรรงบประมาณสำหรับกองทุนอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกัน กมธ. มีความห่วงกังวลต่อการบริหารจัดการเงินบำรุงของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่เกิดภาวะขาดทุน คณะ กมธ. ได้เน้นย้ำให้กองเศรษฐกิจสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามดูตัวเลขว่าโรงพยาบาลแห่งใดกำลังจะเริ่มขาดทุน หรือขาดทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเร่งหากระบวนแก้ไข
ด้าน พญ.กัลยพัชร กล่าวถึงการจ่ายเงินชดเชยของ สปสช. ให้กับโรงพยาบาลที่น้อยกว่าต้นทุนจริง ส่งผลให้เกิดวิกฤตหนี้โรงพยาบาล ว่าเกิดจากการจัดสรรต้นทุนผู้ป่วยในอัตราที่ต่ำกว่าจํานวนจริงมาก ทำให้หากโรงพยาบาลรับผู้ป่วยในที่ใช้สิทธิบัตรทองจำนวนมากขึ้นเท่าใด จะยิ่งขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น ในปีที่ผ่านมา (2567) มีเงินขาดหายไปประมาณ 8,000 ล้านบาท ส่งกระทบต่อทั้งสภาพคล่องของโรงพยาบาลและคุณภาพการให้บริการผู้ป่วย ที่ผ่านมา กมธ. พบว่าโรงพยาบาลได้ชดเชยการขาดทุนด้วยการเก็บเงินจากผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมและสิทธิเบิกจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลางของข้าราชการ มาสมทบบรรเทาหนี้ที่ สปสช. ติดค้างอยู่ ซึ่ง กมธ. เห็นว่าวิธีการนี้ไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนในการแก้ปัญหา ทั้งยังสร้างความไม่เป็นธรรมและเหลื่อมล้ำอย่างมากในระบบบริการ เพราะปัญหานี้ไม่ใช่วิกฤตการขาดทุนของโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นวิกฤตความน่าเชื่อถือของระบบการสาธารณสุขไทยอีกด้วย กมธ. จึงมีข้อเสนอเชิงบวกว่า สปสช. และกระทรวงสาธารณสุข ต้องร่วมกันของบประมาณในส่วนของงบกลางจากนายกรัฐมนตรี เพื่อบรรเทาปัญหาวิกฤตหนี้ระลอกนี้ของ สปสช. ต่อโรงพยาบาล พร้อมเสนอว่าต้องจัดระบบตรวจสอบการจัดเวชระเบียนการให้บริการผู้ป่วยในหน่วยบริการทุกแห่งให้เป็นมาตรฐานเดียวกันภายใต้การตรวจสอบที่แม่นยำ ควรเพิ่มการลงทุนในระบบดิจิทัล (AI AUDIT) ควรจัดลำดับความสำคัญการจ่ายให้เหมาสมยิ่งขึ้น รวมทั้งลดบริการที่ยังไม่จำเป็น ตลอดจน ควรแยกงบบุคลากร ออกจากงบดำเนินการของ สปสช. ด้วย เพื่อให้ สปสช. สามารถบริหารงบประมาณเฉพาะการให้บริการได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ คณะ กมธ.การสาธารณสุข เชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็น ต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ สปสช. และสถาบันพระปกเกล้า อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น ในขณะที่คณะ กมธ. จะเสนอร่างอีกฉบับประกบในสมัยประชุมหน้า เพื่อให้มีการประเมินค่าใช้จ่ายที่แม่นยำขึ้นและไม่มีการจ่ายซ้ำซ้อน ด้วยระบบสุขภาพดิจิทัลตามที่ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศไว้จะจัดทำให้สำเร็จ
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง