นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการอภิปรายนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 29-30 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคไทยสร้างไทย ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้จะมีเวลาอภิปรายไม่มาก แต่นายชัชวาล แพทยาไทย สส.จังหวัดร้อยเอ็ด ในฐานะเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ได้พยายามหยิบยกประเด็นสำคัญของนโยบายรัฐบาลขึ้นมาเพื่อย้ำให้รัฐบาลเร่งแก้ไข โดยยึดกรอบเวลา 4 เดือนที่พรรคเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้ทันที เพราะตระหนักดีว่าขณะนี้ประชาชนกำลังเผชิญความเดือดร้อนอย่างหนัก ตนขอขอบคุณเสียงชื่นชม ทั้งจาก สส. หลายพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงการตอบรับจากสื่อสังคมออนไลน์ โดยยืนยันว่าทีมงานของพรรคจะนำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปสานต่อในเชิงนโยบายอย่างจริงจัง
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงข้อกังวลเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความมั่นคงของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะแนวคิดการทำประชามติยกเลิกบันทึกข้อตกลงร่วมไทย-กัมพูชา 2 ฉบับ คือ MOU 43 และ MOU 44 ว่า ขณะนี้มีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำประชามติที่ประชาชนต้องเข้าคูหาลงคะแนนถึง 4 ใบ อาจถูกนำมาใช้เป็นเล่ห์กลทางการเมืองเพื่อประโยชน์ในช่วงการเลือกตั้ง ทั้งนี้ สส.พรรคไทยสร้างไทย ได้อภิปรายเกี่ยวกับกรณีนี้ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเปิดการเจรจากับประเทศคู่ขัดแย้งทันที โดยยึดหลักการสากลเป็นกรอบการหารือ ส่วนการผลักดันให้เรื่องนี้ไปผูกโยงกับการเลือกตั้งอาจยิ่งสร้างกระแสต้านและความผิดหวังในสังคมได้ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าว ส่วนตัวเห็นว่าควรมีมาตรการแก้ไขปัญหาเป็นลำดับแรก และไม่ควรยืดเวลาออกไป
นายปริเยศ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวย้ำว่า ช่วงเวลา 4 เดือนยังเพียงพอที่รัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น รัฐบาลควรยกเลิกแนวคิดการทำประชามติในกรณีนี้ และลงมือแก้ไขปัญหาความมั่นคงทันทีด้วยความจริงจังตามอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เชื่อว่าศักยภาพของรัฐบาลและทีมการต่างประเทศของไทยมีความพร้อมที่จะดำเนินการ และยังเป็นการลบข้อครหาที่ว่าจะมีการนำเรื่องความมั่นคงและการทำประชามติไปใช้เป็นประโยชน์ทางการเมืองในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งได้ด้วย
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
