นายกันต์พงษ์ ประยูรศักดิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีที่ประชาชนผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า NETA ได้ร้องเรียนต่อสภาองค์กรผู้บริโภค กว่า 70 ราย โดยมีลักษณะปัญหาใกล้เคียงกัน อาทิ ไม่สามารถนำรถไปจดทะเบียนได้, ดีลเลอร์ปิดกิจการ, ขาดการซ่อมบำรุง และเมื่อซ่อมที่อู่นอก ถูกปฏิเสธการรับประกันทันที ทาง กมธ.จึงได้วิเคราะห์ปัญหานี้ผ่านโมเดล 4 ด้าน “NETA” ได้แก่ N – Need ความจำเป็นพื้นฐานที่ผู้ซื้อรถควรได้รับ ได้แก่ การจดทะเบียน, บริการหลังการขาย และดีลเลอร์ที่พร้อมบริการ ซึ่งไม่เกิดขึ้นจริง/ E – Error ความผิดพลาดรุนแรง อาทิ ป้ายขาวล่าช้า ดีลเลอร์ลดลงจาก 60 เหลือ 40 ราย และการไม่มีศูนย์บริการหรืออะไหล่/ T – Time เวลาที่ผู้บริโภคต้องรอนานหลายเดือน โดยผู้ใช้รถต้องซ่อมอู่นอก ทำให้เสี่ยงถูกตัดประกัน และ A – Action ความล่าช้าในการจัดการ ซึ่งเพิ่งมีบริษัทแม่จดทะเบียนเข้ามาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยมาตรการเร่งด่วนที่บริษัทสัญญาไว้กับสภาองค์กรผู้บริโภคเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือ ผู้ใช้จะได้รับป้ายขาวภายในกลางเดือนหน้า และเร่งติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน (Wall Charger) ให้ทันที พร้อมการฟื้นฟูวารันตีทั้งตัวรถและแบตเตอรี่ให้เต็มสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... (Lemon Law) เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างเป็นระบบ หากพบว่า สินค้าที่ซื้อมีความบกพร่องหรือชำรุดจนใช้งานไม่ได้ โดยเสนอให้มี 3R ในสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้แก่ Repair ซ่อมแซมให้ใช้งานได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด Replace เปลี่ยนรถใหม่ให้ หากไม่สามารถซ่อมให้สมบูรณ์ และ Refund คืนเงินแก่ผู้บริโภค หากไม่ต้องการใช้บริการต่อ พร้อมกันนี้ ตนขอให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ตรวจสอบทุนต่างชาติที่เข้ามาทำตลาดรถยนต์ในไทย โดยเฉพาะเรื่องการจดทะเบียนนิติบุคคลและการตั้งหลักประกันที่ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีปิดบริษัทหนีปัญหาซ้ำอีก
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
