นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขณะนี้ ว่าได้รับข้อมูลใหม่มา 2 เรื่อง ประเด็นแรกคือ กรณีการตัดการจ่ายไฟฟ้าบริเวณชเวก๊กโกและเคเคพาร์ค ของประเทศเมียนมา โดยรับทราบเรื่องดังกล่าวจากหนังสือของหน่วยงานความมั่นคงหน่วยงานหนึ่ง แต่ปรากฏว่ามีคำขอจากรัฐบาลเมียนมาให้จ่ายไฟใน 2 จุดดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ แต่หากมีการจ่ายไฟอีกครั้งมองว่าเป็นการจ่ายไฟโดยตรงให้กับแก๊งสแกมเมอร์ จึงตั้งข้อสังเกตว่าหน่วยงานความมั่นคงของไทยรออะไรอยู่เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธการจ่ายไฟโดยทันที
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่าอีกกรณีที่ต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตาม คือกรณีแก๊งสแกมเมอร์ที่อยู่บริเวณพญาตองซู ซึ่งได้รับข้อมูลจากคนในพื้นที่ว่าขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการขยายอาณาจักร และได้ทราบว่าไฟฟ้าที่ใช้ในพื้นที่พญาตองซูเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ขายไฟฟ้าให้กับแก๊งสแกมเมอร์ และต้องการพิจารณาด่านผ่อนปรนการค้าที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีไว้เพื่อประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาด่านปิดตลอด เนื่องจากปัญหาการสู้รบต่าง ๆ จึงน่าแปลกใจว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ขยายอาณาจักรไปยังพญาตองซู สุดท้ายต้องพึ่งพาไฟฟ้า และสาธารณูปโภคจากประเทศไทย และมีความเป็นไปได้ว่าจะกระทบความปลอดภัย ของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้องการให้ประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันติดตาม เรื่องนี้เพราะเป็นภัยร้ายสำคัญ ต้องใช้โอกาสนี้จัดการอย่างเด็ดขาดไม่สามารถปล่อยให้เรื่องเงียบได้
นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่าคาดหวังให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหยุดการปล่อยกระแสไฟไปยังเมียนมาโดยทันทีไม่ต้องรอให้ใครสั่งการเนื่องจากเป็นอำนาจของรัฐมนตรีอยู่แล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีข้อกฎหมายเรื่องการห้ามตัดไฟ เพราะจากการพิจารณาในคณะกมธ. ได้ซักถาม กฟภ.ไปว่ามีกฎหมายข้อไหนระบุให้ไปถามหน่วยงานความมั่นคงก่อนหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่มี ซึ่งความจริงอำนาจต่ำสุดอยู่ที่ กฟภ. หาก กฟภ.ไม่ดำเนินการ นายอนุทิน ในฐานะเจ้ากระทรวงที่ดูแลโดยตรงย่อมดำเนินการได้ทันที
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง
