นายศักดินัย นุ่มหนู ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร และคณะ กมธ. ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังประชุม กมธ. โดยมีวาระพิจารณา เรื่อง “มาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในภาคการเกษตร” โดยเชิญผู้แทนจากสำนักปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว การปศุสัตว์ กรมประมง กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เข้าร่วมประชุม
นายศักดินัย กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กมธ. มีข้อห่วงใยถึงการดำเนินมาตรการการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ผ่านมาตรการเชิงรุก “โครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร” โดยกำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวผ่านการตรวจเช็กประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตรในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. – 31 พ.ค.68 ด้วยการเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลของเกษตรที่ทำการเผาในพื้นที่การเกษตร โดยหากตรวจสอบแล้วพบว่า เกษตรกรที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ มีประวัติการเผาพื้นที่การเกษตร ให้ถือว่าขาดคุณสมบัติ ไม่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรทุกโครงการ โดยให้ถือเป็นการขาดคุณสมบัติ ในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.68 – วันที่ 31 พ.ค.70 นั้น ทั้งนี้ ที่ประชุม กมธ. เห็นว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรเร่งทบทวนมาตรการลงโทษเกษตรกรที่มีประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตร ที่ให้ถือเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร เนื่องจากมีการกำหนดบทลงโทษด้วยระยะเวลาที่นานเกินไป และไม่ควรตัดสิทธิเข้ารับความช่วยเหลือในทุกโครงการ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทำการเกษตรของเกษตรกรในระยะยาว อีกทั้งควรให้มีการระบุชื่อโครงการ/กิจกรรมการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรของทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะงดเว้นไม่ให้เกษตรกรที่มีประวัติการเผาเข้าร่วมโครงการด้วย
ประธานคณะ กมธ. การเกษตรและสหกรณ์ สผ. กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กมธ. เห็นด้วยกับการพัฒนาฐานข้อมูลแสดงจุดคุณภาพอากาศ และการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องวัดอากาศในจุดที่เป็นที่เป็นวิกฤตมลพิษ ตามร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ... และควรเพิ่มนโยบายหรือมาตรการจูงใจให้เกษตรกรทำการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการเผาในพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มากกว่าการกำหนดบทลงโทษที่จะส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกร ขณะที่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISDA) ควรศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของจุดความร้อน (Hotspot) กับการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางป้องกันการเผาในพื้นที่ทางการเกษตรได้อย่างเหมาะสม
นายศักดินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ควรขยายพื้นที่การใช้แอปพลิเคชันสำหรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อให้สามารถวางแผนบริหารจัดการการใช้ไฟเผาในพื้นที่ทางการเกษตรแต่ละจังหวัดได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ กมธ. เห็นด้วยกับมาตรการส่งเสริมและกำกับดูแลเพื่อลดการเผาอ้อยของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการและพฤติกรรมการเผาอ้อย รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ข้อเสียของการเผาอ้อย เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างเป็นระบบ ตลอดจนการผลักดันให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยไม่เผาอ้อยทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ กมธ. เห็นด้วยกับข้อเสนอของกรมควบคุมมลพิษ โดยกำหนดมาตรการบังคับ จูงใจ และส่งเสริม จำนวน 13 ข้อ ของกรมควบคุมมลพิษ และควรวิเคราะห์ข้อมูลแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ไอเสียจากรถยนต์ การเผาป่า หรือภาคการเกษตรในแต่ละจังหวัด เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุ และสามารถกำหนดมาตรการ/แนวทางแก้ไขให้ถูกต้องและเหมาะสม สอดคล้องกับบริบทแต่ละพื้นที่
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง