นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก นายชัยนนท์ รังสรรค์ดำรงค์ ตัวแทนผู้เสียหายและคณะ เพื่อขอให้ กมธ.ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีผู้เสียหายจากการลงทุนคำสั่งซื้อค่ามัดจําอุปกรณ์การร้อยสร้อยในแอปพลิเคชันหนึ่งทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์
โดย นายชัยนนท์ กล่าวว่า ตนได้รับความเสียหายจากกรณีบริษัทแห่งหนึ่งทำการโฆษณาทั้งในช่องออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมมีการเชิญชวนให้มีการแอดเข้ากลุ่มไลน์ โดยมีแอดมินคอยให้ข้อมูลต่างๆ ในกลุ่มแชทไลน์ และมีการให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสั่งซื้อ หรือการจ่ายค่ามัดจําอุปกรณ์การร้อยสร้อยลูกปัด ซึ่งจะได้ค่าแรงกลับคืนพร้อมกับค่ามัดจําอุปกรณ์ หลังจากที่ร้อยสร้อยเสร็จ และส่งกลับไปยังโกดังบริษัท โดยจากข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้มาจากกลุ่มคนที่ได้ทําการลงทุน พบว่า การลงทุนในแพลตฟอร์มดังกล่าวมีความผิดปกติตั้งแต่แผนการชำระผลตอบแทน อาทิ บริษัทมีการเปิดบัญชีรับโอนค่ามัดจำอุปกรณ์มากถึง 20 -30 บัญชี และการแจ้งถอนในระบบ แต่การโอนเข้าบัญชี ไม่แน่นอน ล่าช้า จนกระทั่งไม่สามารถเบิกค่าตอบแทน หรือเงินลงทุนคืนมาได้ มีมูลค่าความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท จากข้อมูลผู้เสียหาย 289 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียหายหลายรายได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแต่ปรากฎว่าในบางท้องที่กลับไม่รับแจ้งความในเรื่องนี้ ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงขอให้ กมธ.ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวด้วยว่าดำเนินกิจการถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่
ด้าน ประธาน กมธ. กล่าวว่า จากหลายกรณีที่เกิดขึ้นในสังคมที่มีการหลอกลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่รูปแบบต่างๆ ต้องยอมรับว่า หลายบริษัทที่เป็นต้นเหตุ เป็นเพราะอาจเกิดจากการขาดมาตรการกำกับดูแลที่ดีอย่างเพียงพอในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จนทำให้เกิดธุรกิจที่มีลักษณะใกล้เคียงกับธุรกิจสีเทามากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การสูญเสียเงินจำนวนมากของประชาชน โดยเบื้องต้นตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับที่ประชุม กมธ.ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.68 ) เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนต่อไป
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
