โดย
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตและเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย รวมถึงภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ทั้งหมด 14 ประเทศ ซึ่งมีการหลอกลวงคนมาค้ามนุษย์ในประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ในส่วนของเมียนมามีทั้งหมด 14 สัญชาติ จำนวน 361 คน สถานเอกอัครราชทูตและเอกอัครราชทูตได้ประสานผ่านภาคประชาชนและภาคประชาสังคม ว่าขอให้ประเทศไทยให้ความช่วยเหลือ แม้เหยื่อจะไม่ใช่สัญชาติไทย แต่ประเทศไทยเป็นประเทศทางผ่าน ต้องมีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ซึ่งประเทศไทยมีกลไกการคัดแยก การดูแลเหยื่ออยู่แล้ว แต่ไม่เพียงพอ โดยไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ปลายน้ำได้อย่างเดียว ต้องแก้ไขทั้งระบบ ตั้งแต่การพิจารณาให้วีซ่า การตรวจคัดกรองคนก่อนเข้ามาในประเทศ และการเดินทางต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินทางโดยรถ โดยเครื่องบิน เชื่อว่าการเดินทางของคนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องทราบอยู่แล้ว
นายกัณวีร์ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า จำนวนคนสัญชาติต่าง ๆ ที่เดินทางเข้าไปในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มากกว่า 100,000 คน ในปีที่ผ่านมา เป็นการไปท่องเที่ยวสถานที่ใด ดังนั้น จึงขอหารือไปยังนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่าจำเป็นต้องสร้างกลไกการดูแลและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ทั้งระบบโดยเร็ว พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน 14 สัญชาติ ที่อยู่ในเมียนมา
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเพิ่มเติมว่า สัปดาห์ที่แล้วเอกอัครราชทูตเคนยา ได้มาพบตนและแจ้งให้ทราบเรื่องทำนองเดียวกัน คือ ชาวเคนยาถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกให้เดินทางมาประเทศไทย โดยอ้างว่าจะมีงานให้ทำ แต่กลับถูกส่งต่อไปยังเมียนมาผ่านทางด่านแม่สอด ต่อมาทราบว่าถูกทรมานและบังคับให้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขณะนี้ทราบรายชื่อแล้วและยังค้างอยู่ในเมียนมา จำนวน 30 คน ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (17 ธ.ค. 67) เอกอัครราชทูตศรีลังกา ได้มาหารือปัญหาเดียวกัน พบชาวศรีลังกาถูกหลอกลวง จำนวน 13 คน ซึ่งเอกอัครราชทูตของทั้ง 2 ประเทศ ได้ขอให้ประเทศไทยให้ความช่วยเหลือ เพราะขบวนการค้ามนุษย์ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปมา ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเร่งแก้ปัญหา ไม่เช่นนั้นจะทำลายชื่อเสียงของประเทศ ไม่มีใครมาท่องเที่ยว เพราะไม่ปลอดภัย อีกทั้งประเทศไทยจะมีปัญหาเรื่องมนุษยธรรมระหว่างประเทศด้วย ซึ่งเดิมคิดว่าปัญหานี้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่กลายเป็นขบวนการระดับโลกไปแล้ว ซึ่งตนเห็นด้วยกับนายกัณวีร์ว่ารัฐบาลต้องแก้ไขเรื่องนี้ แม้จะไม่แน่ใจว่าสาเหตุเพราะอะไร อาจต้องเข้มงวดเรื่องเจ้าหน้าที่มากขึ้น
ทั้งนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดหารือกับประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ในเวลา 17.00 น. เพื่อเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ โดยย้ำว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
