21 ส.ค.68 - กมธ.การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากเครือข่ายผู้ใช้แรงงานฯ ขอคัดค้านเลื่อนเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง วอน รมว.แรงงาน จัดเก็บเงินกองทุนตามกำหนดเดิม วันที่ 1 ต.ค.นี้ สร้างหลักประกันความมั่นคงแรงงาน หลังรอคอยกว่า 26 ปี

image

             นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายเซีย จำปาทอง รองประธาน กมธ. และคณะ รับหนังสือจากนางสาวธนพร วิจันทร์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน เพื่อสิทธิประชาชน เพื่อขอคัดค้านการเลื่อนการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
             โดย นางสาวธนพร กล่าวว่า ตามที่กระทรวงแรงงาน ได้ประกาศให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่คนงาน แต่ภายหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนว่าจะมีการเลื่อนการจัดเก็บกองทุนดังกล่าวออกไปอีก 1 ปี ซึ่งทำให้ลูกจ้างกว่า 9 ล้านคนเสียโอกาสที่จะได้รับหลักประกันนี้ ทั้งที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานได้ออกมาตั้งแต่ปี 2541 แต่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างยังไม่ได้มีการประกาศใช้ โดยผู้ใช้แรงงานต้องการให้กองทุนนี้มาเป็นหลักประกันให้กับตนเอง แต่รัฐมนตรีกลับออกมาแถลงข่าวเลื่อนการดำเนินการ โดยอ้างเหตุผลจากนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลให้กิจการต้องปิดตัว ทั้งนี้ เครือข่ายผู้ใช้แรงงานมีความเชื่อมั่นว่าการปิดกิจการขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารจัดการของรัฐบาลในการจัดการภาวะเศรษฐกิจให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถดำรงอยู่ได้ โดยไม่ควรทิ้งหลักประกันของลูกจ้างไว้ ส่วนความแตกต่างระหว่างกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกับกองทุนประกันสังคม คือ กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจะมีการจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.25 ของเงินเดือน หากลูกจ้างได้รับเงินเดือน 10,000 บาท จะมีการหักเงินเดือนละ 25 บาท และนายจ้างจะสมทบอีก 25 บาท เงินดังกล่าวจะถูกนำไปฝากไว้ที่สถาบันการเงินของลูกจ้างแต่ละคน เมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างหรือลาออกจากงาน จะสามารถรับเงินส่วนนี้ได้ทันที โดยไม่ต้องรอจนกว่าจะมีอายุ 55 ปี เหมือนกับกองทุนประกันสังคม เงินกองทุนนี้ จึงเป็นเงินออมที่จะช่วยเหลือลูกจ้างในระหว่างที่ตกงานหรือกำลังหางานใหม่ ทางเครือข่ายแรงงานฯ จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานยืนยันการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามกำหนดเดิม คือ วันที่ 1 ตุลาคม นี้ โดยไม่เลื่อนออกไป หากรัฐบาลยังคงเพิกเฉยหรือตัดสินใจเรื่องเก็บเงินกองทุนออกไปอีก เครือข่ายแรงงานจะดำเนินการเคลื่อนไหวในทุกรูปแบบตามสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรอง เพื่อปกป้องอนาคตและศักดิ์ศรีของผู้ใช้แรงงานไทย
            ด้าน นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.พร้อมทั้งจะเชิญตัวแทนจากกระทรวงแรงงานมาชี้แจงเหตุผลในการเลื่อนการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พร้อมเน้นย้ำว่ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเป็นเงินสวัสดิการและความมั่นคงของทั้งลูกจ้างและนายจ้าง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องภาษี การจัดตั้งกองทุนนี้จะช่วยทำให้แรงงานไทยมีความเข้มแข็งและมีความมั่นคงมากขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยยังคงมีปัญหาเรื่องแรงงาน รวมถึงการจัดระบบแรงงานต่างชาติจาก 4 ประเทศที่ยังไม่เรียบร้อย
           ขณะที่ นายเซีย กล่าวว่า ลูกจ้างได้รอคอยกองทุนนี้มากว่า 26 ปี กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจะเป็นเงินออมที่ช่วยบรรเทาและเยียวยาลูกจ้างในช่วงที่ตกงาน หรือจ่ายให้แก่ทายาทในกรณีที่ลูกจ้างเสียชีวิต ซึ่งรัฐมนตรีคนก่อนได้วางแผนไว้ว่าจะเริ่มจัดเก็บในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 อย่างแน่นอน แต่รัฐมนตรีคนใหม่กลับประกาศเลื่อนออกไป ซึ่งทำให้ลูกจ้างมีความกังวล เนื่องจากสถานการณ์การเลิกจ้างในปัจจุบันทำให้ลูกจ้างมีความเดือดร้อนมาก และต้องการเงินก้อนนี้ไว้ใช้จ่าย ทั้งนี้ กมธ.จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมเพื่อพิจารณา และเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่มาของการเลื่อนการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการแก้ปัญหาให้แก่ลูกจ้างที่ตั้งความหวังในการมีเงินออมในอนาคต

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ