นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งกระทู้ถาม ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เรื่อง ผลกระทบด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น จากโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – หนองคาย เนื่องจากการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ - หนองคาย กำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดขอนแก่นอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ได้แก่ ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในพื้นที่ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย จากการดำเนินการของการรถไฟฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการไล่รื้อหรือขอคืนพื้นที่จากชุมชนหลายแห่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ มาเป็นเวลาหลายสิบปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนริมทางรถไฟหลายแห่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เช่น ชุมชนมิตรภาพ ชุมชนหลักเมือง ชุมชนเทพารักษ์ 1 - 5 ชุมชนโนนหนองวัด ชุมชนหลักเมือง ชุมชนพัฒนาเทพารักษ์ ชุมชนหนองแวงตาชู และชุมชนในเขตตำบลในเมือง ตำบลเมืองเก่า ตำบลศิลา จำนวน 1,204 หลังคาเรือน ซึ่งประชาชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยไม่มีทางเลือกในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยในระบบปกติ แม้ว่าการรถไฟฯ จะมีโครงการจัดระเบียบหรือแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ตามกรอบของรัฐวิสาหกิจ แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีการกำหนดแนวทางการเยียวยาหรือมาตรการการจัดหาที่อยู่อาศัยทดแทนหรือการประสานกับหน่วยงานด้านสวัสดิการที่ดินและที่อยู่อาศัย เช่น การเคหะแห่งชาติ หรือกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ อย่างเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจน ตนจึงขอสอบถามไปยังรัฐบาลว่า มีนโยบายหรือแนวทางอย่างไรในการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งอยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟฯ และได้รับผลกระทบจากการไล่รื้อและสูญเสียที่อยู่อาศัยจากโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะมาตรการในการจัดหาที่อยู่อาศัยทดแทน หรือการเยียวยาที่เหมาะสมสำหรับชุมชนเหล่านี้ เพื่อให้สามารถดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรีตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญ
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตอบกระทู้ถาม กล่าวชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคมมีแนวทางที่จะพิจารณาการใช้พื้นที่ในการดำเนินโครงการให้มีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ขณะที่โครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 ส่วนแนวทางพิจารณาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้มีสัญญาเช่ากับ การรถไฟฯ จะดำเนินการตามเงื่อนไขของสัญญา โดยจัดหาพื้นที่เช่าใหม่ หรือผู้ที่ไม่ประสงค์เช่าต่อสามารถยกเลิกสัญญาได้ ขณะที่กลุ่มที่ 2 ผู้ที่ไม่มีสัญญาเช่า ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ยากจนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มานานหลายปี โดยกระทรวงคมนาคม มีแนวทางดำเนินการสำหรับกลุ่มที่ 2 ผ่านกลไกคณะอนุกรรมการ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน และมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายปกครองท้องถิ่น และจังหวัด เข้าร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน รวมทั้งประสานงานกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะไม่ไกลจากแหล่งทำมาค้าขายเดิมของประชาชน ขณะที่การพิจารณาให้สิทธิ์เช่าพื้นที่การรถไฟฯ เดิม แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบก่อน หากมีที่ดินว่างอยู่ โดยจะไม่ให้สิทธิ์แก่ผู้บุกรุกรายใหม่ ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย โดยคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค สิ่งแวดล้อม และรูปแบบที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความสามารถในการใช้จ่ายของชุมชน ซึ่ง พอช. ได้สนับสนุนเงินเยียวยาครัวเรือนละ 80,000 บาท รวมวงเงินกว่า 2,167 ล้านบาท และมีการจัดหาสินเชื่อสำหรับจัดหาที่อยู่อาศัยใหม่ ให้เฉลี่ยครัวเรือนละ 250,000 บาท รวมวงเงินกว่า 3,387 ล้านบาท ขณะนี้การดำเนินงานของ พอช. อยู่ในกรอบงบประมาณและจะต้องแล้วเสร็จภายในปี 2570 จากภาพรวมการดำเนินงานพบว่า 80% ของครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบไม่มีปัญหา แต่ยังมีอีก 20% ที่ยังติดขัด ในเรื่องการจัดหาที่ดิน ที่อยู่อาศัยใหม่ และการสูญเสียอาชีพเดิม ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการแก้ไข สำหรับหวัดขอนแก่น ได้มีการสำรวจแล้วว่าชุมชนเทพลักษณ์ 2 โซน มิตรภาพ หนองแวง หนองไผ่พัฒนา หนองไผ่ และโรงประจำ รวม 6 ชุมชน มีสัญญาเช่ากับ พอช. และการรถไฟฯ แล้ว ส่วนชุมชนอื่นๆ ได้มีการจัดสรรพื้นที่ใหม่ โดยย้ายไปที่สถานีห้วยไห ซึ่งได้จัดสรรไปแล้ว 443 ราย ใช้พื้นที่รวม 36,900 ตารางเมตร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสื่อสารและร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการจัดการปัญหา มีการตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานเพื่อออกแบบที่อยู่อาศัยให้ทันสมัย และให้องค์กรเครือข่ายกว่า 12-15 องค์กร รวมถึงสถาปนิก วิศวกร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถาบันการศึกษา เข้ามาร่วมในการแก้ไขปัญหาและออกแบบ. โครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" ที่สถานีรถไฟขอนแก่นกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะเป็นที่รองรับที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน. สถานีขอนแก่นถือเป็นประตูสำคัญสู่ภาคอีสาน และคาดว่าจะสร้างเศรษฐกิจและรายได้ใหม่ให้พื้นที่
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง