24 มิ.ย. 68 – วงเสวนาเวทีกลางโดยสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ระดม 4 มุมมองจากนักกฎหมาย นักเศรษฐศาสตร์ ผู้แทนธุรกิจท่องเที่ยว และภาคประชาสังคม ชี้อนาคตเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต้องไม่เร่งรีบเปิดกาสิโน หวั่นกระทบโครงสร้างสังคมไทย เสนอทำประชามติ รับฟังความเห็นประชาชน

image

           เวทีเสวนา Entertainment Complex ในกิจกรรมเวทีกลาง : เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ที่จัดขึ้นโดยสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดร.ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย และนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ร่วมสะท้อนมุมมองความคิดเห็นที่หลากหลายต่ออนาคตธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทย โดย นายจรัญ กล่าวถึงมุมมองของกฎหมายใน 2 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของไทย ที่บัญญัติสกัดกั้นการทำธุรกิจพนันเสรี หรือ กาสิโน และประสบการณ์ที่เติบโตในสังคมไทย ซึ่งมองว่าการพนันเป็นอบายมุขที่ชั่วร้ายที่สุด เป็นต้นเหตุของอาชญากรรมหลายรูปแบบ ส่งผลให้เกิดการฆาตกรรม การใช้กฎหมายเถื่อนทำร้าย ปัญหาการล่มสลายของสถาบันครอบครัวที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ปัญหาหนี้สิ้น ลูกหลานถูกละเลย ปัญหายาเสพติด การขายบริการ และการเปลี่ยนแปลงค่านิยมของคนไทยให้มองว่าการพนันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นสิ่งที่ดีสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ โดยทั้ง 2 ประเด็นนี้ ส่งผลให้ตนรับไม่ได้ที่จะมีกาสิโนถูกกฎหมายในสังคมไทย อย่างไรก็ตามไม่คัดค้านหากรัฐบาลจะสร้างสถานบันเทิง สนามกีฬา ศูนย์ประชุมนานาชาติขนาดใหญ่ ศูนย์การแสดงสินค้า ศูนย์กลางการแพทย์ แต่ขอเพียงอย่างแฝงกาสิโนถูกกฎหมายไว้ใน Entertainment Complex 

         ดร.ณรงค์ชัย มองว่าตามข้อเท็จจริงแล้ว 75% ของประเทศทั่วโลก หรือราว 180 กว่าประเทศ มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนอยู่ด้วย บางประเทศมีถึงขั้นแยกการพนันออกมาต่างหาก เช่น ญี่ปุ่น มีร้านปาจิงโกะ แยกออกมา และประเทศต่าง ๆ มีมาตรการที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศสิงคโปร์ ที่ป้องกันคนเข้าไปมั่วสุมจนเกินไปโดยการตั้งค่าเข้าที่สูงตั้งแต่ 25 – 50 ดอลลาร์สิงคโปร์ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงเพื่อนบ้านของไทย มีการพนัน และในข้อกฎหมายของไทยไม่ได้กล่าวถึงการพนันมากนัก ส่วนตัวมองว่า ควรปรับปรุงกฎหมาย เรื่องข้อห้าม เช่น ค่าเข้า 2-5 พันบาท หรือ 1 หมื่นบาทต่อคน เป็นมาตรการที่รัฐบาลไทยสามารถทำได้ ส่วนด้านเศรษฐกิจ จะช่วยกระตุ้นได้มากน้อยเพียงใดนั้น มองว่าปัจจุบันธุรกิจในกลุ่ม Fun Economy คิดเป็น 14 % มากกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ และเติบโตขึ้นทุกปี ขณะที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ถูกแทรกแซงด้วยระบบ AI มากขึ้น ในขณะที่ Fun Economy เติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากชนชั้นกลางทั่วโลก มองหาแหล่งการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์และการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จริง ๆ 

         ด้านนายเทียนประสิทธิ์ ระบุถึงประเด็นการท่องเที่ยวและการลงทุน มองการเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยไม่มีกาสิโน สามารถดึงดูดนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง สิ่งสำคัญที่นักลงทุนคำนึงถึง คือ ที่ดินแปลงสวย ค่าตอบแทนของที่ดิน เมื่อมององค์ประกอบย่านท่าเรือคลองเตย ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าจะสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น ถือว่าสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนได้ ประเทศไทยได้ประโยชน์ ส่วนหากต้องมีกาสิโน ต้องมองว่าต้องไปอยู่จุดไหนเป็นสถานที่ใหม่ หรือ ใน 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ๆ ของประเทศ ทั้งนี้มองว่าในพื้นที่ที่จะมีการตั้งกาสิโน รัฐบาลควรรับฟังความเห็นคนในพื้นที่นั้น ๆ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ยกตัวอย่าง เช่น ชาวภูเก็ต มองว่าถ้ามีกาสิโนด้วยเขาไม่ต้องการ เพราะปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวและประสบปัญหาศักยภาพด้านสาธารณูปโภคอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากจำเป็นต้องมีกาสิโน มองว่าควรมีเพียงสถานที่เดียวในประเทศ ขอให้ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายยึดเงื่อนไขการเข้าไปใช้บริการอย่างเคร่งครัด

         นายธนากร กล่าวถึงข้อเสนอภาคประชาชน ว่าเพื่อให้เกิดฉันทามติทางสังคมควรทำประชามติเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ และเรื่องกาสิโนไม่ได้มีอยู่ในนโยบายหาเสียงของรัฐบาลตั้งแต่ต้น ส่วนในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีเพียงการพูดถึงเรื่อง Man – made Destination เท่านั้น ดังนั้นเมื่อรัฐบาลได้รับฉันทามติจากประชาชน จะช่วยลดปัญหาเรื่องข้อคัดค้านลงไปได้ นอกจากนี้ควรตั้งคำถามว่าประเทศไทยมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่ต้องมีกาสิโน จำเป็นต้องเป็นเหมือนเพื่อนบ้านหรือไม่ หากไม่ทำจะเป็นจุดอ่อนหรือไม่ สิ่งสำคัญคือการมีแนวคิดใช้ความต่างเป็นจุดแข็งมากกว่าหรือไม่ ประเด็นนี้รัฐบาลควรขบคิด

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ