สว.นรเศรษฐ์ หนุนเร่งแก้รัฐธรรมนูญ เริ่มต้นที่ ผ่านร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ก่อนเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง มองจะไม่กระทบกระบวนการ

           นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายหลังร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ที่ถูกยับยั้งไว้ครบ 180 วันแล้ว ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเป็นสิ่งแรกที่จะต้องเดินหน้า ภายหลังการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมองว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ควรจะบรรจุระเบียบวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ เป็นวาระแรก และอาจต้องมีหนังสือทวงถามไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ว่าท้ายที่สุดแล้วการทำประชามติจะต้องทำทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรจะมีจุดเริ่ม ตั้งแต่กระบวนการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ด้วยการลงมติยืนตามร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎร เพราะหากดูจากปัญหาความขัดแย้งการเมืองในขณะนี้ เกิดจากรากเหง้าที่มาจากรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2560 โดยเฉพาะปัญหาความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้

          ต่อข้อถามว่าการที่รัฐบาลไม่ออกมาส่งสัญญาณเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายหลังที่ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ครบ 180 วันแล้ว เป็นการไม่ให้ความสำคัญหรือไม่นั้น นายนรเศรษฐ์ ระบุว่า เรื่องนี้รัฐบาลค่อนข้างเงียบผิดปกติ แต่เชื่อว่าจากปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกประเทศ รัฐบาลคงมองเห็นปัญหาที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2560 จึงต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

          ส่วนสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ท่ามกลางรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่อาจนำไปสู่การยุบสภา มีความกังวลจะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหยุดชะงักหรือไม่ นายนรเศรษฐ์ ย้ำว่าการยุบสภาถือเป็นเรื่องปกติ เป็นขั้นตอนของฝ่ายบริหารที่ใช้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาขัดแย้งหรือการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่สามารถเดินต่อไปได้ ซึ่งการยุบสภาในต่างประเทศถือเป็นเรื่องปกติมาก เนื่องจากเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าพรรคการเมืองใดเหมาะสมที่จะเป็นรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ทั้งนี้มองว่าหากทุกอย่างผ่านเป็นกฎหมายแล้ว ก่อนการยุบสภา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปดำเนินการต่อในการทำประชามติ ยืนยันว่าแม้จะมีการยุบสภาหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองย่อมไม่เกิดผลกระทบต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง