นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในรายการมองรัฐสภา ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ถึงแนวทางรับมือผลกระทบเศรษฐกิจภายหลังนายดอนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่าหลายฝ่ายกังวลเรื่องการตั้งกำแพงภาษีที่จะสูงขึ้น 10-20% ตนเองมองว่าไม่ได้กระทบแต่เพียงประเทศไทย แต่หลายประเทศประสบปัญหาเดียวกัน โดยเฉพาะประเทศจีนที่ถูกพุ่งเป้าอย่างมาก ซึ่งการรับมือของประเทศไทย มองว่าควรสร้างการลงทุนในประเทศให้มากขึ้น อีกทั้งนำเอาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ ปัจจุบันแม้จะมีการลงทุนจากประเทศจีน แต่ส่วนใหญ่เป็นการเข้ามาโดยนำเอาวัตถุดิบทั้งหมดเข้ามาเอง แต่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งเพียงอย่างเดียวสำหรับส่งออกไปยังประเทศปลายทาง หากปล่อยไว้แบบนี้สหรัฐอเมริกาอาจจะเพ่งเล็งมายังไทยได้ ดังนั้นไทยอาจจะต้องกดดันประเทศจีนให้กระจายกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมมายังประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกันประเทศไทยต้องแสวงหาคู่ค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และต้องศึกษาสินค้าของจีนที่ส่งไปยังสหรัฐอเมริกา ว่ามีสินค้าชนิดใดที่ไทยมีศักยภาพในการผลิต สามารถทำการค้ากับสหรัฐอเมริกาได้ จะเป็นโอกาสอีกทางหนึ่ง
ด้านนายอิสรา สุนทรวัฒน์ อดีตเลขาธิการสมัชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) กล่าวในประเด็นเดียวกัน ว่าเรื่องความอยู่รอดของประเทศสมาชิกและผลกระทบต่าง ๆ จะเป็นไปในด้านบวกหรือลบนั้นขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้น ๆ มีความเข้าใจโลก ทันสมัย และเป็นประชาธิปไตยมากน้อยเพียงใด เมื่อมองในมุมของอาเซียนแล้ว ทิศทางหรือบุคลิกของอาเซียนย่อมขึ้นอยู่กับประเทศที่เป็นประธานอาเซียน ซึ่งปัจจุบันได้แก่มาเลเซีย มองว่ามีความเข้าใจเกมบนเวทีโลก และเป็นประเทศที่สามารถเจรจากับสหรัฐอเมริกาได้ สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้อเมริกามองอาเซียน และไทยเป็นประเทศคู่ค้า ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม และเป็นเพียงเมืองท่องเที่ยว แต่ประเทศไทยต้องทำให้เห็นถึงศักยภาพและความต้องการพึ่งพาซึ่งต้องเริ่มจากการมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง