14 พ.ย. 67 - กมธ.การที่ดินฯ สผ.รับหนังสือจากทนายความ เรียกร้อง กมธ.ใช้อำนาจตามกฎหมาย ขอ รฟท.ทำการรักษาทรัพยากรของชาติ ด้วยการดำเนินคดีผู้บุกรุกที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์

image

          นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายภัทรพงศ์ ศุภักษร ทนายความ เพื่อขอให้ กมธ.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้มีผลบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล อันคดีถึงที่สุดกรณีที่ดินเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
           โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง ที่ประชาชนให้ความสนใจ และติดตามการดำเนินการของทางภาครัฐ มาโดยตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาว่า การบังคับคดีดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย หรือไม่ ซึ่งล่าสุดได้มีมติของคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งของอธิบกรมที่ดิน ที่ 1195 - 1196/2566 ลงวันที่ 12 พ.ค. 66 ในคดีพิพาทกรณีที่ดินแยกเขากระโดง โดยทางคณะกรรมการ ได้มีความเห็นในทำนองว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไม่สามารถนำพยานหลักฐานมาแสดงให้ได้เป็นที่ยุติว่า เป็นที่ดินของ รฟท.รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งขอบเขตที่ดินของ รฟท.และผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนปรากฏว่า การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ในท้องที่ ต.เสม็ด  ต.อีสาน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น จึงยังไม่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดแจ้งเพียงพอให้รับฟังได้ว่า มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทางอธิบดีกรมที่ดินจึงเห็นควรยุติในเรื่องดังกล่าว อย่างไรตาม หาก รฟท.เห็นว่ามีสิทธิ์ในที่ดินเป็นการดีกว่าก็เป็นเรื่องที่ผู้มีสิทธิ์ในที่ดินจะต้องไปดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมทางศาลต่อไป ทั้งนี้ จากท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ต่อกรณีดังกล่าว ที่มีการเผยแพร่จากสื่อสารมวลชน ทำนองว่า รฟท.จะนำประเด็นข้อพิพาทไปสู่ศาลปกครองอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นเพียงการยื้อเวลา เพื่อรักษาสมดุลไทยทางการเมือง เท่านั้น เพราะที่ดินแยกเขากระโดง มีบุคคลผู้มีส่วนได้เสียทางการเมือง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและมีภูมิลำเนาอยู่ในเขากระโดงด้วย ทำให้อาจมองได้ว่า รฟท.ซึ่งอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม และกรมที่ดิน ซึ่งอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย อาจไม่ได้ดำเนินการ เพื่อให้มีผลเป็นไปเพื่อการบังคับหรือถอนผู้บุกรุกในที่ดินดังกล่าว และย่อมไม่เป็นการปกป้องรักษาทรัพยากรของชาติหรือเรียกคืนทรัพยากรของชาติกลับคืนแผ่นดิน หากแต่อาจเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนที่อาศัยอยู่ในที่พิพาท จึงขอให้ กมธ.ได้ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อขอให้ รฟท.ได้ทำการรักษาทรัพยากรของชาติ ด้วยการดำเนินคดีผู้ที่บุกรุกอาศัยในที่ดินดังกล่าวต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ต่อไป
          ด้าน เลขานุการ กมธ. กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.เพื่อพิจารณาต่อไป

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ