นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวอภิปรายรายงานการศึกษา เรื่อง "การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีกาสิโน" ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา พิจารณาเสร็จแล้ว ว่า ตามที่ตนได้เดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีกาสิโนถูกกฎหมายมานานถึง 49 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 โดยทางการฟิลิปปินส์ยอมรับว่าแม้ในช่วงแรกกาสิโนจะสามารถสร้างรายได้และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จริง แต่ผลกระทบระยะยาวกลับสร้างปัญหาใหญ่หลวง คือ ประชาชนในประเทศติดการพนันอย่างหนัก โดยเฉพาะในยุคออนไลน์ที่การเข้าถึงทำได้ง่ายและมีการโฆษณาทั่วไป
นายปริญญา กล่าวด้วยว่า แม้จะมีกฎเกณฑ์ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 หรือ 21 ปีเข้าใช้บริการ แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่ามีเยาวชนสามารถเข้าไปในกาสิโนได้โดยไม่มีการควบคุม ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าวัฒนธรรมและความเหลื่อมล้ำทางสังคมของฟิลิปปินส์มีความใกล้เคียงกับไทย จึงควรนำมาเป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบอย่างจริงจัง
นายปริญญา กล่าวถึงประเด็นการจำกัดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจรทั้งหมด ว่า ในกรณีสถานบันเทิงครบวงจรของฟิลิปปินส์ แม้พื้นที่กาสิโนจะมีเพียง 10% แต่อีก 90% ส่วนใหญ่เป็นโรงแรม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผู้ที่เข้าพักส่วนใหญ่ก็ลงมาใช้บริการในกาสิโนอยู่ดี ที่สำคัญกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหรือผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจากชาติตะวันตก แต่กลับเป็นคนในประเทศ คนจีน และคนเกาหลีเป็นหลัก เช่นเดียวกับในประเทศลาวที่พบว่ามีคนไทยเข้าไปเล่นเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินสกุลบาทไทยอย่างแพร่หลาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าหากมีกาสิโนในไทย กลุ่มลูกค้าหลักก็จะเป็นคนไทยและคนในภูมิภาคเอเชียเช่นเดิม
นายปริญญา กล่าวอีกว่า ตนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อปัญหาการฟอกเงิน เนื่องจากกาสิโนหลายแห่งเริ่มรับสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นช่องทางที่กลุ่มอาชญากรรมนิยมใช้ในการฟอกเงิน เพราะติดตามเส้นทางต้นทางได้ยากมาก ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายที่มีอยู่ครบทั้ง 77 จังหวัด ตัวอย่างเช่น "บ่อนดอนเมือง" ที่ถูกบุกจับกว่า 20 ครั้งในรอบ 5 ปี แต่ก็ยังกลับมาเปิดใหม่ได้เสมอ สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการควบคุม เช่นเดียวกับผลสำรวจที่พบว่า คนไทยเล่นหวยใต้ดินมากถึง 22 ล้านคน จึงเกิดคำถามว่า ในเมื่อการพนันผิดกฎหมายที่มีอยู่ยังควบคุมไม่ได้ แล้วจะควบคุมกาสิโนที่ถูกกฎหมายได้อย่างไร
นายปริญญา กล่าวถึงข้อเสนอแนะ 5 ข้อ หากรัฐบาลจำเป็นต้องเปิดกาสิโน ว่า หากรัฐบาลยังคงต้องการเดินหน้าโครงการนี้ ต้องกำหนดที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนต้องไม่อยู่ใจกลางเมืองหรือย่านคมนาคมสะดวก แต่ควรตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เช่น บนเกาะ เพื่อจำกัดการเข้าถึง รวมทั้งตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลเป็นการเฉพาะ มีกฎหมายควบคุมที่จริงจัง และมีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้เล่นแบบ Real-time เพื่อความโปร่งใส ตลอดจนจำกัดการเข้าถึงของคนไทย หรือหากจะให้เข้าต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น และต้องมีค่าแรกเข้าที่สูง นอกจากนี้ รัฐบาลควรจัดเก็บรายได้ส่วนหนึ่งจากกาสิโนเพื่อตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือและบำบัดผู้ที่ติดการพนัน โดยเฉพาะการจัดทำระบบ คัดกรองและห้ามบุคคลที่มีหนี้สิน ผู้รับสวัสดิการแห่งรัฐ หรือมีประวัติอาชญากรรมเข้าใช้บริการเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นว่าประเทศไทยสามารถสร้าง Entertainment Complex ชั้นนำของโลกได้โดยไม่จำเป็นต้องมีกาสิโน โดยชูจุดเด่นด้านอื่นที่เป็น Soft Power ของไทย เช่น สปาและการนวดแผนไทย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง