23 ก.ย. 68 - กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา ติดตามสถานการณ์สารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก จ.เชียงราย พร้อมเสนอรัฐบาลเร่งจัดโครงการนำร่องทดสอบประสิทธิภาพฝายดักตะกอน

image

          นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา พร้อมด้วยนางสาวมณีรัฐ เขมะวงค์ รองประธานกรรมาธิการฯ และนายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ แถลงสรุปผลการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 19–21 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์สารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก จากการทำเหมืองในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา รวมถึงปัญหาสถานะบุคคลในพื้นที่
          นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ พบว่ามีสารหนู ตะกั่ว และโลหะหนักปนเปื้อนในลุ่มน้ำสายสำคัญของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งปัญหานี้เป็นมลพิษข้ามพรมแดนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ เศรษฐกิจท้องถิ่น และวิถีชีวิตของประชาชนอย่างเป็นวงกว้าง
          ส่วนการตรวจวัดคุณภาพน้ำครั้งล่าสุดระหว่างวันที่ 18–22 กันยายน ที่ผ่านมา พบว่า แม่น้ำสาย มีค่าสารหนูเกินมาตรฐาน 0.02–0.22 มิลลิกรัมต่อลิตร จากค่ากำหนด 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร แม่น้ำรวก พบค่าสารหนูเกิน 0.011 มิลลิกรัมต่อลิตร และพบแคดเมียมเกินมาตรฐาน ขณะที่แม่น้ำโขงไม่พบสารหนูเกินมาตรฐาน แต่พบค่าตะกั่วสูงกว่ากำหนดซึ่งสารพิษส่วนใหญ่พบในรูป “ตะกอนแขวนลอย” ซึ่งจะมีความเข้มข้นสูงในช่วงน้ำไหลแรงและน้ำขุ่น ทำให้เสี่ยงต่อระบบนิเวศและแหล่งน้ำดิบเป็นอย่างมาก
          สำหรับปัญหาในพื้นที่ที่จะต้องเร่งแก้ไขแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น คือ ความซับซ้อนของมลพิษข้ามพรมแดน ซึ่งต้องเริ่มจากการแก้ไขปัญหาโดยอาศัยความร่วมมือระหว่างไทย–เมียนมา แต่ก็ติดอุปสรรคจากความไม่สงบภายในเมียนมา และความแตกต่างของมาตรฐานคุณภาพน้ำ โดยไทยกำหนดค่าสารหนูไว้ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่เมียนมากำหนดสูงถึง 0.05 มิลลิกรัมต่อลิตร ทำให้การเจรจาจำเป็นต้องใช้หลายกลไกและระดับความร่วมมือ อีกทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งการปนเปื้อนสร้างความกังวลต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการประมง และภาคการท่องเที่ยวริมแม่น้ำ ชาวบ้านต้องหยุดกิจกรรมบางส่วน ขณะที่ภาพลักษณ์สินค้าเกษตร เช่น ข้าวเชียงราย อาจได้รับผลกระทบระยะยาว และเรื่องความมั่นคงด้านน้ำสะอาด โดยระบบประปาในพื้นที่กว่า 85% เป็นประปาหมู่บ้านที่มีความเปราะบางสูงต่อการปนเปื้อน ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาคยังขาดบ่อพักน้ำดิบเพื่อตกตะกอน ทำให้ต้องเร่งหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
          คณะกรรมาธิการฯ จึงขอเสนอให้รัฐบาลต้องเร่งจัดโครงการนำร่องเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของฝายดักตะกอนผ่านการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการนำร่องทดสอบสารดักตะกอนพัฒนากลไกการสื่อสารความเสี่ยงให้เป็นเอกภาพผ่านการมอบหมายสื่อประชาสัมพันธ์และกระทรวงสาธารณสุข อธิบายความหมายของคุณภาพน้ำเพื่อความชัดเจนต่อประชาชนในพื้นที่ ผลักดันแผนจัดแหล่งน้ำสำรองที่ปลอดภัย ยกระดับการแก้ไขปัญหาโดยการจัดตั้งคณะทำงานระดับชาติ ดำเนินนโยบายทางการทูตเชิงรุกในหลายมิติ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชน ปกป้องเศรษฐกิจท้องถิ่น และรักษาสมดุลทรัพยากรธรรมชาติของจังหวัดเชียงรายอย่างยั่งยืน

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ