นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 กล่าวถึง ภาพรวมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ในชั้นอนุ กมธ. ในมุมของฝ่ายค้าน ว่าได้ยึดแนวทางการกระจายกันทำงาน ซึ่งตนเองรับผิดชอบในงบประมาณของกระทรวงที่ให้ความสนใจ เช่น ในสัปดาห์นี้ พุ่งเป้าไปที่การปรับลดงบประมาณใน 3 ส่วน คือ งบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กิจกรรมใด ๆ ที่เป็นการเพิ่มภาระงานให้กับครู ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน เรื่องนี้รัฐมนตรี ศธ. คนใหม่ ได้ออกมาพูดเรื่องการลดภาระงานครู ซึ่งหากจะทำให้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ตนมองว่า สส. รัฐบาลควรร่วมมือกับ สส. ปชน. ในการปรับลดงบประมาณที่กระทบเวลาการสอนของครู เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน นอกจากนี้จะเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่องเกี่ยวกับงบประมาณของรัฐสภา เนื่องจากตรวจพบว่ามีหลายโครงการที่สามารถปรับลดได้ และส่วนตัวกังวลกรณีการโอนงบประมาณจากโครงการที่ถูกระบุในเล่มงบประมาณไปใช้กับโครงการอื่นที่ไม่ได้ถูกระบุไว้ ดังนั้นในการตรวจสอบจะดูแต่เพียงในเอกสารเล่มงบประมาณไม่ได้ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับงบประมาณโครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงเรื่องระบบอุปถัมภ์ ซึ่งตนและคณะกมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เคยตั้งข้อสังเกตกรณีดังกล่าวไว้ เช่น หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) โดยอาจเป็นการรวมตัวของผู้เรียนจากองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบซึ่งกันและกัน จึงกังวลว่าแม้หลักสูตรเหล่านี้จะส่งเสริมองค์ความรู้ แต่อาจแอบแฝงระบบอุปถัมภ์จากความสัมพันธ์ส่วนตัว และอาจสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติได้ พร้อมย้ำว่า สส.ปชน. ได้กระจายตัวกันทำหน้าที่ในคณะกมธ.งบประมาณฯ และพิจารณาหลายส่วน เช่น การทำแอปพลิเคชันที่ซ้ำซ้อนของรัฐบาล การของบประมาณในการก่อสร้างอาคารราชการต่าง ๆ เป็นต้น ประเด็นเหล่านี้จะหารือกันให้ได้ข้อสรุปในชั้นคณะอนุกมธ. ส่วนเรื่องใดที่ยังไม่ได้ข้อสรุปจะนำเข้าหารือในที่ประชุมงบประมาณฯ คณะใหญ่อีกครั้ง
ต่อข้อถามว่าในการพิจารณาชั้นคณะอนุกมธ. ยังมีงบประมาณส่วนใดที่อยู่ในขั้นสุ่มเสี่ยงหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่าเป้าหมายในขณะนี้คือการปรับลดงบประมาณทั้งที่สุ่มเสี่ยง ไม่สุ่มเสี่ยง และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน พร้อมยืนยันการทำงานในคณะกมธ.งบประมาณฯ ทุกวินาทีต้องตระหนักว่า ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจ ดังนั้นงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนแม้จะใช้กับสิ่งที่ไม่สุ่มเสี่ยงทุจริต แต่หากใช้กับสิ่งที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนย่อมไม่เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนเช่นกัน เมื่อถามถึงงบประมาณจำนวน 1.57 แสนล้านบาท สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทางกรมบัญชีกลางเปิดเผย ว่าหากมีผู้ยื่นประมูลเพียงรายเดียว สามารถรับงานได้เลยนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นงบประมาณของปีที่แล้วแต่ประเด็นที่จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบ คือ เรื่องความโปร่งใส การกระจายงบประมาณไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เนื่องจากขณะนี้ทราบว่ามีการกระจุกตัวของงบประมาณในบางพื้นที่อยู่ ซึ่งตนต้องการให้งบประมาณก้อนดังกล่าวเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้จริง และครอบคลุม ซึ่งทางฝ่ายค้านจะเร่งตรวจสอบอย่างรวดเร็วคู่ขนานไปกับการพิจารณางบฯ ปี พ.ศ. 2569 ผ่านกลไกของคณะกมธ. ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร และเมื่อถามว่าการออกระเบียบเร่งรีบเช่นนี้ เป็นการเปิดทางให้เกิดการทุจริตหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากมองอย่างเป็นธรรม สามารถเข้าใจได้ว่าเจตนาของงบประมาณก้อนนี้ คือการเร่งนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงทำให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ และเพื่อป้องกันความเสี่ยงฝ่ายค้านจะต้องทำงานอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยมองว่าการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาล จะช่วยให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในเรื่องนี้ได้
ณัฐเดชเอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง