21 ก.ค. 68 - สส.พริษฐ์ ปชน. เผยภาพรวมการพิจารณางบประมาณปี พ.ศ. 2569 ชั้นอนุกมธ. ฝ่ายค้านกระจายบทบาทตรวจสอบเข้มข้น ชูปรับลดงบฯ ศธ.ที่เพิ่มภาระงานครูไม่เกี่ยวการสอน ห่วงงบอบรมหลักสูตรผู้บริหารเสี่ยงระบบอุปถัมภ์ ย้ำงบทุกบาทต้องตอบโจทย์ประชาชน 

image

             นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 กล่าวถึง ภาพรวมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ในชั้นอนุ กมธ. ในมุมของฝ่ายค้าน ว่าได้ยึดแนวทางการกระจายกันทำงาน ซึ่งตนเองรับผิดชอบในงบประมาณของกระทรวงที่ให้ความสนใจ เช่น ในสัปดาห์นี้ พุ่งเป้าไปที่การปรับลดงบประมาณใน 3 ส่วน คือ งบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กิจกรรมใด ๆ ที่เป็นการเพิ่มภาระงานให้กับครู ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน เรื่องนี้รัฐมนตรี ศธ. คนใหม่ ได้ออกมาพูดเรื่องการลดภาระงานครู ซึ่งหากจะทำให้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ตนมองว่า สส. รัฐบาลควรร่วมมือกับ สส. ปชน. ในการปรับลดงบประมาณที่กระทบเวลาการสอนของครู เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน นอกจากนี้จะเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่องเกี่ยวกับงบประมาณของรัฐสภา เนื่องจากตรวจพบว่ามีหลายโครงการที่สามารถปรับลดได้ และส่วนตัวกังวลกรณีการโอนงบประมาณจากโครงการที่ถูกระบุในเล่มงบประมาณไปใช้กับโครงการอื่นที่ไม่ได้ถูกระบุไว้ ดังนั้นในการตรวจสอบจะดูแต่เพียงในเอกสารเล่มงบประมาณไม่ได้ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับงบประมาณโครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงเรื่องระบบอุปถัมภ์ ซึ่งตนและคณะกมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เคยตั้งข้อสังเกตกรณีดังกล่าวไว้ เช่น หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) โดยอาจเป็นการรวมตัวของผู้เรียนจากองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบซึ่งกันและกัน จึงกังวลว่าแม้หลักสูตรเหล่านี้จะส่งเสริมองค์ความรู้ แต่อาจแอบแฝงระบบอุปถัมภ์จากความสัมพันธ์ส่วนตัว และอาจสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติได้ พร้อมย้ำว่า สส.ปชน. ได้กระจายตัวกันทำหน้าที่ในคณะกมธ.งบประมาณฯ และพิจารณาหลายส่วน เช่น การทำแอปพลิเคชันที่ซ้ำซ้อนของรัฐบาล การของบประมาณในการก่อสร้างอาคารราชการต่าง ๆ เป็นต้น ประเด็นเหล่านี้จะหารือกันให้ได้ข้อสรุปในชั้นคณะอนุกมธ. ส่วนเรื่องใดที่ยังไม่ได้ข้อสรุปจะนำเข้าหารือในที่ประชุมงบประมาณฯ คณะใหญ่อีกครั้ง

            ต่อข้อถามว่าในการพิจารณาชั้นคณะอนุกมธ. ยังมีงบประมาณส่วนใดที่อยู่ในขั้นสุ่มเสี่ยงหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่าเป้าหมายในขณะนี้คือการปรับลดงบประมาณทั้งที่สุ่มเสี่ยง ไม่สุ่มเสี่ยง และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน พร้อมยืนยันการทำงานในคณะกมธ.งบประมาณฯ ทุกวินาทีต้องตระหนักว่า ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจ ดังนั้นงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนแม้จะใช้กับสิ่งที่ไม่สุ่มเสี่ยงทุจริต แต่หากใช้กับสิ่งที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนย่อมไม่เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนเช่นกัน เมื่อถามถึงงบประมาณจำนวน 1.57 แสนล้านบาท สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทางกรมบัญชีกลางเปิดเผย ว่าหากมีผู้ยื่นประมูลเพียงรายเดียว สามารถรับงานได้เลยนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นงบประมาณของปีที่แล้วแต่ประเด็นที่จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบ คือ เรื่องความโปร่งใส การกระจายงบประมาณไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เนื่องจากขณะนี้ทราบว่ามีการกระจุกตัวของงบประมาณในบางพื้นที่อยู่ ซึ่งตนต้องการให้งบประมาณก้อนดังกล่าวเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้จริง และครอบคลุม ซึ่งทางฝ่ายค้านจะเร่งตรวจสอบอย่างรวดเร็วคู่ขนานไปกับการพิจารณางบฯ ปี พ.ศ. 2569 ผ่านกลไกของคณะกมธ. ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร และเมื่อถามว่าการออกระเบียบเร่งรีบเช่นนี้ เป็นการเปิดทางให้เกิดการทุจริตหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากมองอย่างเป็นธรรม สามารถเข้าใจได้ว่าเจตนาของงบประมาณก้อนนี้ คือการเร่งนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงทำให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ และเพื่อป้องกันความเสี่ยงฝ่ายค้านจะต้องทำงานอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยมองว่าการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาล จะช่วยให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในเรื่องนี้ได้ 

 

ณัฐเดชเอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง  

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ