นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สภาปริทัศน์” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ถึงกรณีที่ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ถอนออกจากพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ว่า จุดยืนที่ผ่านมา วิปวุฒิสภาได้แสดงจุดยืนคัดค้านร่างกฎหมายนี้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ อีกทั้ง ศ.พิเศษจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร วุฒิสภา ได้อภิปรายว่าหากรัฐบาลเดินหน้าตั้งกาสิโน จะขัดต่อหลักการแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หลายมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 58, 63, 65, 75 รวมถึงหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาลด้วย ทั้งนี้ หลักนิติธรรม หมายถึงการที่ ครม. ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึงต้องยึดหลักนิติธรรม ซึ่งตีความได้ว่าต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้กลับมีการต่อต้านอย่างมากจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมาย แม้ว่ารัฐบาลอ้างว่าได้สำรวจความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ที่มีผู้เห็นชอบถึง 70,000-80,000 คน แต่เว็บไซต์ดังกล่าว ไม่มีการยืนยันตัวตน ทำให้ 1 คนสามารถลงความเห็นได้หลายครั้ง ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขผู้เห็นชอบเกินจริง จึงถือเป็นเว็บไซต์ที่เชื่อถือไม่ได้ อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้หาเสียงถึงนโยบายตั้งกาสิโนถูกกฎหมายมาก่อน ดังนั้น การเสนอกฎหมายในลักษณะที่ไม่ได้เป็นนโยบายที่หาเสียงไว้ ถือเป็นจุดสำคัญที่น่ากังวล ซึ่งการที่ ครม. มีมติถอนร่างกฎหมายนี้ออกไปก่อน ถือเป็นการช่วยลดความขัดแย้งและเสียงต่อต้านที่รุนแรง
นายพิสิษฐ์ กล่าวถึงข้อกังวลเฉพาะส่วนของคาสิโน ว่า แม้จะกำหนดพื้นที่คาสิโนไว้เพียง 10% ของเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ แต่ยังมีข้อห่วงใยอย่างมาก เพราะหากมีการสร้างกาสิโนจริงในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือคลองเตย ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 3,800 ไร่ พื้นที่ตั้งกาสิโนจะเท่ากับ 380 ไร่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มากสำหรับการสร้างกาสิโน ดังนั้น การระบุเพียง 10% เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ามีสัดส่วนน้อย ขณะที่งานวิจัยหลายแห่งระบุชัดเจนว่ารายได้ส่วนใหญ่ของสถานบันเทิงครบวงจรมาจากกาสิโน เพราะกาสิโนสามารถเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่ส่วนอื่น ๆ เช่น คอนเสิร์ตหรือสวนสนุก
โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวถึงหลักเกณฑ์สำหรับผู้เล่นกาสิโนว่า ร่างกฎหมายกำหนดเบื้องต้นว่าคนไทยต้องมีเงินฝากขั้นต่ำ 50 ล้านบาทเพื่อเข้าเล่น แต่ส่วนตัวเชื่อว่านี่เป็นการอ้างอิงในช่วงแรกเท่านั้น และมองว่าในอนาคตกติกาอาจถูกปรับเปลี่ยนได้ง่ายโดยอำนาจของซุปเปอร์บอร์ด ซึ่งอาจลดเกณฑ์เงินฝากลงเหลือ 1 ล้านบาท หรือ 500,000 บาท หรือไม่มีเลยก็ได้ เนื่องจากผลการศึกษาหลายภาคส่วนชี้ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของกาสิโนคือคนไทย ไม่ใช่ชาวต่างชาติ ดังนั้น ความเสี่ยงที่คนไทยจะเข้าถึงการพนันได้ง่ายขึ้นมีสูงอย่างมาก
นายพิสิษฐ์ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลอ้างว่าการนำกาสิโนขึ้นมาบนดินจะช่วยลดการพนันใต้ดิน แต่ตนเชื่อว่า การพนันใต้ดินจะไม่หายไป โดยเปรียบเทียบกับหวยใต้ดินที่ยังคงอยู่แม้จะมีสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกกฎหมาย ดังนั้น การที่กาสิโนถูกกฎหมายอาจยิ่งส่งเสริมให้ประชาชนมองว่าการเล่นการพนันไม่ใช่เรื่องผิด และอาจไปเล่นบ่อนเถื่อนเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ส่วนจุดยืนของวุฒิสภาในอนาคต หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าส่งร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรฯ เข้าสู่มาพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกในอนาคต ตนจะดำเนินการรวบรวมรายชื่อสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เห็นด้วย เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าร่างกฎหมายนี้ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยมีศักยภาพและทางเลือกอื่น ๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงธุรกิจคาสิโน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ในการท่องเที่ยวเมือง (กรุงเทพฯ) และมีชายหาดติดอันดับโลกหลายแห่ง ควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้วย เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง และวัฒนธรรมท้องถิ่นอื่น ๆ ในแต่ละภาค รวมทั้งการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของโลก (Medical and Health Hub) เนื่องจากไทยมีการแพทย์ที่ดีติดอันดับต้น ๆ ของโลก ค่ารักษาราคาถูกกว่า และคนไทยมี Service Mind ควรเน้นส่งเสริมด้านนี้ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) และการดูแลผู้สูงอายุ (Entire Aging) นอกจากนี้ ไทยยังเหมาะสมกับการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ระดับภูมิภาค และศูนย์กลางเทคโนโลยี (Technology Hub) โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ปัจจุบันหลายมหาวิทยาลัยเน้นเรื่องนี้ และเนื่องจากปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ประเทศไทยจึงมีโอกาสที่จะเป็นฐานการผลิตชิปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศได้
นายพิสิษฐ์ กล่าวถึงประเด็นเร่งด่วนอื่นที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขมากกว่าเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ คือ ผลกระทบจากกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าไทยไปสหรัฐฯ โดยล่าสุด (8 ก.ค.68) สหรัฐฯ ประกาศว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยสูงถึง 36% ในขณะที่เวียดนามโดนเพียง 20% เท่านั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการลงทุนและส่งออกสินค้าไปตลาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รัฐบาลควรหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง