นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่าในการนำคณะเดินทางเยือนเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าเป็นการเยือนในโอกาสเฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน จึงไม่ได้หารือถึงการส่งกลับชาวอุยกูร์ 43 คนจากประเทศไทยเมื่อเดือน ก.พ.2568 เพราะเป็นกิจการภายในประเทศของจีน แต่ได้สอบถามเป็นการส่วนตัว ซึ่งทราบว่า ไม่มีปัญหาอะไร โดยทราบว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับมานั้น เป็นกลุ่มที่ถูกสร้างความเข้าใจผิด ว่าอยู่ที่ซินเจียงลำบาก หากไปจากซินเจียงจะมีคนนำพาไปประเทศที่ 3 จะได้อยู่สุขสบาย คนเหล่านี้จึงต้องการไปประเทศที่ 3 ต้องเดินทางไปชายแดนจีนผ่านเมืองคุณหมิง ลัดเลาะมาทางภาคเหนือเพื่อไปมาเลเซีย จนมาพบบางส่วนที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ชาวอุยกูร์ที่ถูกจับในไทยเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เมื่อตำรวจจับจึงกลายเป็นเรื่องเข้าเมืองไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เกิดปัญหาตามมา เพราะบางคนในชุดก่อนมีความผิด แต่ปัจจุบันรัฐบาลจีนเข้าใจว่าถูกหลอกไม่ได้เป็นผู้ร้าย จึงรับกลับมา ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง มีการโทรศัพท์สอบถามไปตลอด หลังรัฐมนตรีและสื่อมวลชนมาเยี่ยม ทราบว่าชาวอุยกูร์อยู่ได้สบาย ไม่มีปัญหารบกวนจากรัฐบาลจีนแต่อย่างใด
ประธานรัฐสภา ยังกล่าวว่ากรณีอุยกูร์ จีนมีปัญหากับชาติตะวันตก ที่โจมตีเรื่องเสรีภาพ ซึ่งเป็นเรื่องภายใน การที่ตนมาซินเจียงในครั้งนี้ มาเพื่อจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ได้มาเห็นการพัฒนาซินเจียงรู้สึกดีใจ แต่นโยบายของจีนที่ไม่ขัดมติสหประชาชาติ ไม่ผิดกติกาโลก และสำหรับไทยให้การสนับสนุน เช่น นโยบายจีนเดียว ซึ่งปัญหาเรื่องคนกลุ่มน้อย ทุกประเทศมีกรอบรัฐธรรมนูญ หากไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เช่น ไม่มีการแบ่งแยกดินแดน ทั้งโรฮิงญาหรืออุยกูร์ ต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้ ที่ตนมาจีนครั้งนี้ พบกับผู้นำศาสนาอิสลามในซินเจียง ที่เมืองอุรมุชี 70-80 เปอร์เซ็นต์ ได้เห็นว่าไม่มีปัญหาทางศาสนา มีคนไปปฏิบัติศาสนากิจได้ตามปกติ การเข้าใจผิดอาจมีจุดใดจุดหนึ่ง ตนไม่ต้องการพูดว่าทุกอย่างดีหมด ในเรื่องสิทธิและการนับถือศาสนา มีการให้เสรีภาพในขอบเขต ประเทศที่ปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ไม่ได้ให้โฆษณา ยังให้ละหมาดวันศุกร์ มีคนมาร่วมจำนวนมาก หากมีการกีดกันทางศาสนา คงทำอย่างนั้นไม่ได้ ในเรื่องการเผยแพร่ได้ แต่เพียงไม่ให้ไปเผยแพร่ในคนที่ไม่ใช่มุสลิม
ส่วนเรื่องสตรีที่คลุมฮิญาบ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าเท่าที่สอบถามในเมืองซินเจียง ให้เสรีภาพในการคลุมฮิญาบ ซึ่งปกติในหลักศาสนาอิสลาม ต้องคลุมมิดชิด แต่ปัจจุบันในหลายประเทศไม่ได้คุมเข้ม อย่างประเทศไทยไม่ได้มีข้อห้าม แต่ต้องสร้างความเข้าใจในสังคมให้ได้ กรณีของชาวอุยกูร์ เนื่องจากอยู่ในระบอบการปกครองของจีน การจะสอบถามเรื่องศาสนาเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีการถามกันอย่างเปิดเผย แต่เท่าที่ทราบผู้หญิงอุยกูร์ ตามหมู่บ้าน ยังปฏิบัติศาสนกิจตามหลักสาสนาได้ตามปกติ
อรวรรณ วงจันทร์มณี /ข่าว
วสันต์ เรือนเงิน /ภาพ