21 มิ.ย.68- ปธ.กมธ.การศึกษาฯ วุฒิสภา มองการศึกษาไทยติดหล่มใช้งบมหาศาลแต่ปัญหายังคงเดิม เสนอทิศทางใหม่ ปั้นเด็กไทยให้ “เก่ง” พร้อมดึงผู้มีศักยภาพสูงจากต่างชาติร่วมพัฒนาประเทศชูโมเดล Silicon Valley พร้อมเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ผ่านสภาฯ โดยเร็ว

image

        ดร.กมล  รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ในรายการ สภาปริทัศน์ เรื่อง เปิด “สมุดปกขาว” ข้อเสนอทิศทางการศึกษาไทยที่สังคมคาดหวัง ว่า การพัฒนาการศึกษาในรูปแบบเดิมยังคงทำให้ไทย "ติดหล่ม" หรือ "ติดหลุมดำ" คือใช้งบประมาณมหาศาล แต่ยังคงวนเวียนอยู่กับปัญหาเดิม ๆ เช่น การปรับโครงสร้าง ปัญหาโอกาสทางการศึกษา ทรัพยากรไม่เพียงพอ ครูคุณภาพต่ำ และหลักสูตรมีปัญหา ซึ่งยังแก้ไม่ได้ ดังนั้น การจัดทำสมุดปกขาวจึงเป็นการเสนอแนวทางใหม่ต่อสังคม โดยจากการศึกษาและรับฟังความคิดเห็น ได้ข้อเสนอ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การทำให้เด็กไทย "เก่ง" มีศักยภาพสูง เพื่อเป็นผู้นำในอนาคต การดึงคนเก่งกลับประเทศไทย และดึงคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูงมาร่วมพัฒนาชาติ เช่นเดียวกับที่สิงคโปร์และอเมริกาทำ เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ แนวคิดนี้เหมือนการสร้าง Silicon Valley หรือแบบจำลองเซินเจิ้นของจีน รวมทั้งต้องมีระบบข้อมูลที่ดี (Data-Driven) ที่รู้ว่าคนไทยเก่งเรื่องอะไรบ้าง เช่น อาหาร ธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว ไอที หรือรถยนต์ EV เพื่อสนับสนุนการลงทุน โดยเฉพาะการดึง "Talent" (คนเก่ง) ที่หลากหลายเข้ามาในระบบ แนวทางการเพิ่มศักยภาพเด็กไทยประกอบด้วยคนเก่งด้านวิชาการ เช่น (Talent Academic) อาทิ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา และคนเก่งด้านอาชีพ (Talent Vocational) อาทิ ดนตรี ศิลปะ การแสดง YouTuber การทำคอนเทนต์ เชฟ อาหาร ช่าง เครื่องยนต์กลไก หุ่นยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งพัฒนา "Smart Teacher" หรือ "Super Teacher" โดยเตรียมของบประมาณจากกระทรวง อว. มาพัฒนาครู รวมทั้งส่งครูไปศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำในต่างประเทศ

        ดร.กมล กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติฯ ว่า ปัจจุบันมีร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ ที่เสนอเข้ามาแล้ว 5 ฉบับ ทั้งฉบับที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) และฉบับที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หลากหลายพรรคการเมือง รวมถึงร่างกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่เสนอโดยภาคประชาชน ทั้งนี้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่บังคับใช้เป็นเวลานาน และถึงเวลาแล้วที่ควรมีฉบับใหม่ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนา เช่นเดียวกับประเทศฟินแลนด์ ที่กฎหมายการศึกษาและแผนการศึกษาชาติ มีความต่อเนื่องสอดคล้องกัน ปัจจุบัน มีร่างกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ ที่เสนอเข้ามา  5 ฉบับ แต่ละฉบับมีจุดเด่น และจุดด้อย ต่างกัน โดยฉบับ ครม. มุ่งเน้นแนวทางปฏิรูปการศึกษาตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเคยเสนอไว้ โดยมีการขยายเรื่องอุดมศึกษา กองทุนการศึกษา และการดูแลเด็กพิการด้อยโอกาส ขณะที่ฉบับที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ได้ระบุถึงเรื่องการพัฒนาครู โครงสร้างการบริหารของกระทรวงศึกษาธิการ การพัฒนาสวัสดิการครู การสร้าง Mindset ใหม่ให้กับผู้เรียน

        ดร.กมล กล่าวด้วยว่า ตนเห็นว่าทุกฝ่ายต้องร่วมกันผลักดันร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ ให้สำเร็จ โดยอาจต้องมีการหารือในวงเล็กก่อน เพื่อประมวลความคิดของผู้เสนอร่างกฎหมายให้เป็นทิศทางเดียวกัน หากเข้าสู่การพิจารณาของสภา แบะตั้ง กมธ.วิสามัญแบบเดิมอาจจะใช้เวลานาน 2-3 ปี และอาจไม่ทันอายุของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเน้นพิจารณาในโครงสร้างหลักที่เป็นสาระสำคัญก่อน และในระหว่างที่ยังไม่มี พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ กฎหมายฉบับเดิมก็ยังสามารถบังคับใช้ได้ แต่ก็ควรมีการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมและทันสมัย ในส่วนการทำงานของ กมธ.การศึกษาฯ วุฒิสภา ได้เตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อสรุปทิศทางการเสนอร่างกฎหมายให้สอดคล้องกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ครู และบุคลากรทางการศึกษา

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ